post:

Home » , » KYO OVERSEAS DOCUMENTARY GREED I

KYO OVERSEAS DOCUMENTARY GREED I





องค์ประกอบหนึ่งสำคัญว่าทำไม DIR EN GREY สามารถสร้างภาพที่รุนแรงของชายที่ชื่อว่า Kyo ได้ ตำแหน่งปกติของเขาคือ นักร้อง แต่เขาไม่ได้เรียกตัวเองว่าอย่างนั้น ความตั้งใจที่แน่วแน่ สามารถรับฟังได้จากบทเพลงของพวกเขา และถ้าหากไปยังไลฟ์จะสามารถมองเห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่สัมผัส ด้วยโทนเสียงที่ต่ำไปจนถึงเสียงที่สูง เขาถักทอเรื่องราวต่างๆด้วยเสียงอันทรงพลัง การแสดงรูปแบบที่ต่างออกไปในผลงานทางกายภาพที่เกิดจากธรรมชาติภายในร่างกายของเขา แม้กระนั้น เมื่อรูปแบบใกล้จะสมบูรณ์ เขามักจะทำลายมันลงอีกครั้งอย่างง่ายดาย การเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจของเขาไม่ได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งนี้ แต่มันยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง


Interview: Kyoto เป็นเมืองที่คุณเกิดและเติบโต ที่รู้จักกันในสถานที่ท่องเที่ยวสากลและสถานที่วัฒนธรรม ในความเป็นจริงแล้วสิ่งนี้มีอิทธิพลต่อคุณใช่หรือเปล่า?
Kyo: ผมจะไม่พูดอย่างนั้น แต่มันอาจจะมีอิทธิพลต่อผมก็ได้ โดยที่ผมก็ไม่รู้ตัว ผมชอบแนวทางของญี่ปุ่น ผมมอง Kyoto เป็นแบบอย่างในการมองโลก


Interview: เริ่มจากนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ ที่จะเห็นได้มากมายในเมืองแห่งนี้
Kyo: เมื่อตอนที่ผมอยู่ Kyoto ผมแทบจะไม่ได้ไปเที่ยวชมที่ไหน แต่ผมคิดว่าคงจะมีชาวต่างชาติไปเที่ยวชมที่นั่นมากกว่า ในตอนนั้นผมแทบจะไม่มีความสนใจใน Kyoto เลย ผมไม่ได้เกลียดนะ แต่ในตอนมัธยมต้น ผมคิดว่าผมไม่มีความสนใจในวัดหรือสิ่งเหล่านั้นเลย


Interview: ผมไม่สงสัยเลยล่ะ (หัวเราะ) อาจจะเป็นเพราะว่ามันอยู่ใกล้ตัว เลยไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากมาย แล้วเมื่อไรที่คุณเริ่มมีความสนใจใน Kyoto?
Kyo: ในความเป็นจริงก็ไม่มีอะไรเป็นจุดเริ่มต้น แต่ใน kyoTo ให้ความรู้สึกราบรื่นอย่างเชื่องช้า ในความเป็นจริงแล้วผมชอบมันนะ แม้ว่าหลังจากนั้นแล้วผมออกจาก Kyoto เมื่อตอนผมอายุ 17 หรือ 18 ปี ผมไปอยู่ที่ Osaka เป็นเวลานาน ที่นั่นมีความแตกต่างที่หลากหลายในบรรยากาศและผู้คน ผมก็กลับมาคิดว่า จริงๆแล้ว Kyoto เป็นสถานที่ที่ดี ตั้งแต่นั้นมาผมไม่ได้ศึกษาอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับวัด แต่บางครั้งอารมณ์และบรรยากาศของวัด ทำให้ผมสนใจมันมากขึ้นเรื่อยๆ


Interview: นั่นอาจเป็นพราะว่าถูกแยกออกมาจากสถานที่แห่งนั้น จึงมีโอกาสสูงที่จะทำให้รู้สึกหลงใหล
Kyo: แม้แต่ตอนที่ผมยังอยู่ Kyoto ผมไม่ได้ไปเยี่ยมชมสถานที่อย่างวัด Kinkakuji หรือวัด Ginkakuji และ Sanjusangedo เมื่อผมยังเด็กเหมือนผมจะได้ไปสักครั้งหนึ่ง และเมื่อผมอายุ 16 หรือ 17 เป็นปกติของวัยรุ่นที่ท่องเที่ยวไปยังสถานที่ซึ่งห่างไกลเพื่อความเพลิดเพลินของตัวเอง และผมคิดว่ามีหลายสิ่งมากมายแต่ผมคือคนที่ไม่ได้สนุกกับสิ่งเหล่านั้นและแทบจะไม่ได้ออกจากบ้านเลย เมื่อผมตัดสินใจที่จะไปผมไม่รู้เลยว่าจะไปสถานที่นั้นยังไง(วัด Kinkakuji) แล้วก็ล้มเลิกความคิดไปเหมือนกับว่า ไม่ได้สนใจสถานที่แห่งนั้นแล้วจะไปทำไม จริงๆแล้วผมก็ไม่รู้อะไรเลย


Interview: แต่คุณก็หลงใหลในด้านที่ดีของ Kyoto
Kyo: เมื่อเริ่มทัวร์ ก็ได้ไปยังเมืองต่างๆที่มีความหลากหลายต่างกันไป บรรยากาศในชนบทมีความแตกต่างและยังมีสถานที่อื่นๆที่เวลาจะผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่เมื่อผมกลับมาที่Kyoto ผมรู้สึกผ่อนคลาย แต่มันก็แค่บางครั้งเพราะว่าผมเคยอยู่ที่นั่น ผมยังชอบหนังสยองขวัญของญี่ปุ่นมาก และมันมีลักษณะบางอย่างที่เกี่ยวกับบรรยากาศของบ้านโบราณใน Kyoto ประเด็นนี้อาจจะมีอิทธิพลกับผมก็ได้


Interview: บรรยากาศของวัดนั้นมีความแตกต่างจากบ้านสมัยโบราณ แต่สิ่งนั้นให้ความรู้สึกไม่ชื่นบานเท่าไร อิมเมจแบบนั้นหรือเปล่าที่ทำให้คุณชื่นชอบในวัด?
Kyo:เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ผมไปวัด Toji แน่นอนว่าผมรู้จักวัด Toji และเมื่อนานมาแล้วผมเข้าไปยังข้างในครั้งหนึ่ง แต่ผมไม่ได้ประทับใจอะไรมากเท่าไร ความรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้เข้าไปข้างในยังสถานที่พิเศษ(หรือบางอย่าง) แต่เมื่อเร็วๆนี้เป็นวันพิเศษ และเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้เข้าไปในเจดีย์ของวัด Toji เมื่อผมเข้าไปภายในเจดีย์ มันมหัศจรรย์มาก "นี่คืออะไร! นั่นทำได้ยังไง" ในเจดีย์มีประติมากรรม รูปปั้นที่ดูเหมือนกับปิศาจ นอกจากนี้ในวัด Sanjusangendo ก็มีประติมากรรมมากมาย แต่ผมคิดว่าหอของวัด Senjyukannon (กวนอิมพันกร) ดีที่สุด นอกจากนั้นคือวัด Toji ที่น่าประหลาดใจอย่างสุดๆ ถ้ามีโอกาสที่ได้เข้าไปข้างในอีกครั้งผมก็อยากจะไป


Interview: ดังนั้นคุณไม่มีแผนที่จะไปวัด Toji แต่เพียงแค่ได้มีโอกาสเท่านั้น?
Kyo: ใช่ครับ อย่างเมื่อผมกลับบ้าน ผมได้ผ่านด้านหน้าของวัด Toji เมื่อนานมาแล้วที่พวกเราทำงานร่วมกับแม็กกาซีนที่ใกล้กับวัด


Interview: ผมคาดว่าได้ยินชื่อเสียงของความบ้าคลั่งวัดมามาก วัด Toji ค่อนข้างมีความสำคัญใช่มั้ย?
Kyo:ไม่ครับ มันคือความน่าแปลกใจอย่างแท้จริง ในทางตรงกันข้าม ผมไม่รู้จริงๆกับความบ้าคลั่งในสถานที่นั้น เนื่องจากพวกเขาไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ โดยธรรมดาแล้ววัดเป็นสิ่งที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบไม่ใช่เหรอ เมื่อเข้ามาแล้วไม่มีอะไร แน่นอนว่ายังมีสถานที่อื่นที่มีความสวยงามกว่าเช่นกันอย่างสวน หรือที่พวกเขาพูดกันว่างดงาม และนั่นมันคือสิ่งที่ทำให้ผมหลงใหลและประหลาดใจ เหมือนกับว่า "นี่ถูกสร้างโดยมนุษย์งั้นเหรอ?" มีหลากหลายสิ่งที่ทำให้คิดว่า สิ่งนั้นมันใช้เวลาสร้างมานานเท่าไรแล้ว มีคนมากมายเท่าไรที่ต้องการมัน หรือสร้างมัน แต่ว่ามันก็เหมือนกับปิศาจนะ (หัวเราะ) ผมสนุกกับการมองดูรายละเอียดของประติมากรรม มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากคุณคิดงั้นมั้ย? แต่ผมเองก็มีความรู้สึกกลัวพวกสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ๆนะ แต่พวกตึกพวกอาคารนี่ไม่เป็นไร ถ้าผมทำอย่างไม่เสแสร้ง ผมคงรู้สึกเหมือนผมตกเป็นเครื่องมือในเรื่อง  Gulliver’s Travels มันกลายเป็นแผลที่ทำให้ขาดความกล้า


Interview: คุณหมายความว่ายังไง (หัวเราะ)
Kyo: ผมอธิบายมันไม่ได้ จริงๆแล้วสิ่งนั้นมันก็ไม่ได้ใหญ่อะไร แต่มันทำให้ผมกลัว กับสิ่งที่ใหญ่มากเป็นพิเศษ แค่คิดมันก็น่ากลัวแล้ว (หัวเราะ) นอกจากนี้มันอาจเป็นปัญหาที่ผมมี (Batophobia โรคกลัวความสูง หรือการเข้าใกล้สิ่งก่อสร้างที่สูงใหญ่) แต่ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นสิ่งที่ผมสนใจเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น มีรูปปั้นพระเจ้าในจีนที่ใหญ่มากที่แกะสลักในหน้าผา (อย่างพระพุทธรูปเล่อซาน) ที่ผมอยากจะเห็น ทั้งที่มันทำผมกลัว แต่มันก็ทำให้ผมก็รู้สึกตื่นเต้น


Interview:  เหมือนว่าจะมีสิ่งเหล่านั้นมากกว่าในประเทศญี่ปุ่น สิ่งที่ใหญ่มากๆในต่างประเทศ
Kyo: แต่ถึงแม้ว่าโบสถ์ หรืออะไรที่มีขนาดใหญ่ ผมจะไม่ครุ่นคิดอะไรมาก คุณจะเห็นว่าตัวผมไม่ได้เข้าใจอะไรดีกับเกณฑ์ที่จะทำตาม ดังนั้นมีบางอย่างทำให้ผมกลัว แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมกลัวมากเป็นพิเศษ อย่างเช่นว่า ปกติแล้วเซนติเมตร มีขนาดเล็ก และกลายมาเป็นขนาดของมนุษย์ ครั้งแรกเมื่อผมคิดเกี่ยวกับวัด Toji ว่า "ว้าว"  คือผมไม่ได้มีงานอดิเรกที่เป็นพิเศษหรืออะไรอย่างนั้นมาก่อนเลย แต่เมื่อเร็วๆนี้ความสนใจของผมได้เพิ่มมากขึ้น และผมอยากจะไปเยี่ยมชมยังสถานที่ต่างๆ และมีความปรารถนาที่จะได้เห็นหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง


Interview: คุณช่วยยกตัวอย่างงานอดิเรกของคุณมาหน่อยได้มั้ย?
Kyo: ตัวอย่างเช่น การถ่ายภาพ และการออกแบบ แต่จริงๆแล้วผมมีความสนใจในสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นอย่างมาก


Interview: มันน่าสนใจมากจริงๆ คุณถึงได้เขียนเพลง และพัฒนาไอเดียในการผลิตสินค้าของวง และแม้ว่าคุณมีความสนใจในโลกภายนอก [สิ่งที่นอกเหนือจากธุรกิจเกี่ยวข้องกับดนตรี]มาถึงตอนนี้ ผมสงสัยว่าทั้งสองสิ่งมันเริ่มจะแปลกๆหน่อยนะ
Kyo: จนถึงตอนนี้บรรยากาศการประเมินค่าของผมอยู่สูงมาก และมันแตกต่างจากอะไรอื่นๆ มีสิ่งที่ไม่สามารถใส่ลงไปในคำพูดได้ แต่ถูกแสดงออกด้วยปัญหาของผมแทน แต่ในตอนนี้ผมสนุกกับการจะมองทุกอย่างให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ผมคิดว่ามุมมองของผมเปลี่ยนไปเล็กน้อย


Interview: เป็นมาตั้งแต่ปีนี้เหรอ?
Kyo: อ่า ไม่ครับ ตั้งแต่ 2-3 เดือน ก่อนที่ผมจะมีแรงกระตุ้นให้กำเนินบางสิ่งบางอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงมัน (ในตอนท้ายของปี 2011) เมื่อผมไปต่างประเทศ ความสนใจของผมมีมากขึ้น และถึงแม้ว่าจะมีแค่บางเวลาที่มันไม่เพียงพอ เมื่อผมกลับมาถึงญี่ปุ่น ความคิดของผมก็เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน มันเป็นการแสดงออกในครั้งแรกของไลฟ์ เมื่อผมถูกห่อหุ้มด้วยม่านบนเวที (คงจำไลฟ์ที่พี่ Kyo มีบาเรียปกคลุมตัวนะ ^^)


Interview: คุณหมายถึงการแสดงไลฟ์ที่น่าประหลาดใจ ที่ Zepp Tokyo ในเดือนมกราคม 2012 ใช่มั้ย? เมื่อคุณเริ่มทำการแสดงบางอย่างข้างในที่เหมือนกับรังไหมรูปทรงกระบอกบิดไปมาเหมือนกับสัตว์ที่แปลกๆ
Kyo: ใช่ครับ ตั้งแต่ที่ผมตัดสินใจที่จะทำสิ่งนั้น ดูเหมือนทุกคนเค้าจะลำบากกัน (หัวเราะ) ผมมีภาพที่ชัดเจนในหัวของผม แต่เมื่อผมบอกทุกคนรอบตัวผมไป ผมไม่สามารถจะข้ามความคิดของผมไปได้ พวกเราคุยกันอย่างเช่นว่า "จะวางผ้าม่านที่ด้านหน้ายังไง" "มันจะเป็นไปได้เหรอ?" "ถ้าคนดูมองคุณบนเวทีได้ไม่ชัดเจนล่ะ?" และเมื่อผมพูดไปว่า "อ่าาผมไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น" มันเป็นการสื่อสารที่ไม่ค่อยดีเท่าไร ยังไงก็ตามผมเลยตัดบทไปว่า "โอเค แค่ให้ผมทำมันอีกครั้ง" นั่นล่ะมันเหมือนสิ่งที่ปรากฏออกมาอย่างรวดเร็ว สิ่งที่แตกต่างไปจากธุรกิจดนตรี เพราะงั้นล่ะเมื่อเร็วๆนี้ผมถึงได้รู้สึกสนุกขึ้น





Kyo เกิดและเติบโตขึ้นที่ Kyoto ความรู้สึกที่ใกล้ชิดกับวัดและศาลเจ้าตั้งแต่วัยเด็กนั้น เนื่องจากแรงกระตุ้นให้เข้าเยี่ยมชม (วัดและศาลเจ้าเหล่านั้น) เขาสามารถเปิดอีกแนวทางในการแสดงออกถึงความเบ่งบาน โดยไม่ได้คาดหวังอะไรจากหัวข้อการสนทนาของพวกเรา ธรรมชาติเข้าไปอยู่ในความสนใจของเขา ในขณะที่พูดคุยกัน จะมองเห็นสีหน้าที่มีความสุขของเขาได้อย่างชัดเจน  ความแปลกใหม่ที่ฉันรู้สึกเมื่อวาน เพราะว่าการมีชีวิตบางครั้ง บางเวลามันเกิดขึ้นกับผู้คนที่ไล่ตามบางอย่าง ด้วยพลังที่รุนแรง มันดูเหมาะสมกับความคิดเขาในฐานะศิลปิน ที่ทำตามความต้องการ โดยไม่มีขอบเขตความโดดเด่นในตัวของเขาเอง สิ่งนี้ยังเป็นการหมุนเวียนของศิลปะที่โลกได้ตระหนักถึงในตอนท้ายของการดิ้นรนต่อสู้เพื่อความสมดุล  เช่นกันกับ DIR EN GREY ท่ามกลางความตึงเครียดของพวกเขาทั้ง 5 คน ซึ่งคราวนี้จะทำให้ชัดเจนกับความรุนแรงที่เป็นบุคลิกลักษณะเฉพาะตัวของพวกเขา

โดยจะเริ่มจาก Kyo กับหนทางในการใช้ชีวิตของเขาอีกครั้ง ที่นี่...การพูดจาที่เหมือนหุนหันพลันแล่นตอบสนองออกมาแล้ว ฉันต้องการที่จะเข้าใจอย่างละเอียดถึงความตั้งใจจริงนี้ของเขา (หลังจากนี้)


Interview: เมื่อผมฟังการสนทนาของพวกเราในตอนนี้ ผมประทับใจภายในตัวคุณมาก (ทุกอย่าง) อ่อนลงมาเพื่อสิ่งหนึ่ง ในช่วงครึ่งหลังของการทัวร์ที่ตามมา การปล่อย DUM SPIRO SPERO โดยเฉพาะการแสดงออกของคุณ Kyo เหมือนกับมหรสพและเหมือนกับการร่ายรำ ผมสงสัยว่าทั้งสองสิ่งที่ปรากฏออกมามันคือแนวทางใหม่?
Kyo: บางอย่างดูเหมือนจะเกิดขึ้นในทันที แต่ผมไม่รู้จริงๆว่าบางอย่างนั้นคืออะไร ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีผู้คนเสมอที่ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นผม คนที่เร่งความรู้สึกและไล่ตามตัวเองด้วยการทำอะไรบางอย่าง การเปลี่ยนแปลงของผมเป็นไปอย่างมากที่สุด และบางคนอาจจะคิดช้ามากกว่าที่ผมคิด แต่ถึงแม้ว่าผมไม่ได้ต่างไป ผมก็คิดตลอดเวลาไปไกลกว่านั้นว่ามีบางสิ่งที่สำคัญมากกว่า ผมไม่ได้ทำมันอย่างง่ายดายทั้งหมด คุณเห็นในไลฟ์ของพวกเรา พวกเราไม่มีไฟสปอร์ตไลท์ที่สดใส ผมไม่ต้องการที่จะแสดงใบหน้าของผมตรงๆ ผมขอพวกคนจัดการหลายๆครั้งว่าปิดไฟที่จะชี้มาทางผม ไอเดียของผมก็เกิดขึ้น เช่นว่า ถ้ามีไฟจ่อมาตรงๆที่ผมและปิดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฟด้านบนของผู้ชม ผมก็จะกลายเป็นเงา มองดูเหมือนสีดำ แสงควรจะส่องจากทางด้านหลังของผม และควรส่องให้สูงกว่าจากด้านหลังหัวของผม (ให้เหมือนย้อนแสง) แต่ว่าคำขอของผมก็ถูกปฏิเสธเสมอ


Interview: ผมเดาภาพออกเลยล่ะ (หัวเราะ)
Kyo: แม้ว่าใบหน้าและการแสดงสีหน้าของผมมันจะเป็นสิ่งที่สำคัญ มันไม่ใช่สิ่งที่ตัวผมในตอนนี้เรียกร้อง แต่ก็ไม่มีใครคาดหวังที่จะเข้าใจ คุณรู้ว่าพวกเราคือวงดนตรี มีรูปแบบธรรมดาต่างๆมากเกินไป แต่ถ้ามองไปยังวงดนตรีวงอื่น วันนี้ทำให้ผมมองเห็นพัฒนาการทั่วไปของวงร็อค จากอิมเมจ ผมต้องการที่จะเบี่ยงเบนทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมกระตุ้นตัวเองมากกว่าเดิม เพื่อแสดงตัวตนออกมาให้มากกว่านี้ และผมยังคงคิดเสมอว่า "ฉันจะทำอะไรดี? อะไรที่ฉันพอจะทำได้" ผมคิดจนถึงตอนนี้ แต่คุณเห็นว่า ความคิดของผมนั้นผิด(ที่คิดอย่างนั้น) ในคำพูดอื่นๆ ถ้ามีใครสักคนที่เข้าใจทุกอย่างจริงๆ และพยายามที่จะมีชีวิตโดยไม่ต้องคิดอะไรเกี่ยวกับสิ่งนี้ ผมเชื่อว่าจะมีบางสิ่งเข้ามาในชีวิต  ในไลฟ์ที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ การเคลื่อนไหวของผมเหมือนกับการเต้นรำ ด้วยบรรยากาศ ความรู้สึกของเพลงและท่วงทำนอง มันปรากฏออกมาอย่างธรรมชาติจากข้างในของผมเอง นั่นคือสิ่งที่ผมแสดงออก คุณเห็นมั้ย หลังจากไลฟ์ผมบอกว่า มันเหมือนกับ Ankoku-buto คุณชอบมันมั้ย? (การร่ายรำแบบ Ankoku buto http://en.wikipedia.org/wiki/Butoh) แต่ก่อนหน้านั้นผมไม่รู้จัก  Ankoku-buto ผมเลยลองหาข้อมูลนิดหน่อย แล้วก็ประหลาดใจ เพราะว่ามันดูคล้ายกันมาก จากการเคลื่อนไหวของมือ บรรยากาศและร่างกายทั้งหมด ผมตกใจนิดหน่อย และศึกษาวิธีการที่เขาเต้นกันซึ่งนั่นมันก็นานมากแล้ว แต่ว่านั่นไม่ใช่การเลียนแบบ มันคือการเกิดอย่างเป็นธรรมชาติ ผมเลยเห็นว่ามันไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนอะไร มันรู้สึกเหมือนกับว่า "โอ้ มันดีแล้วล่ะ" และผมสงสัยว่าจะมีใครสักคนที่ทำมันไปแล้วหรือยัง ในเวลานั้นผมคิดว่า "เอาล่ะ ทำต่อไปให้ถึงจุดสูงสุด" ไอเดียที่มีม่านกั้นเข้ามาในหัวของผมก่อนที่ผมจะมาเป็นนักร้องที่ไม่มีขีดจำกัดในเรื่องเสียงและการแสดงออก ผมไม่เคยเรียกตัวเองว่านักร้อง อย่างตรงไปตรงมาคือตราบเท่าที่ผมจะสามารถแสดงตัวตนของผมออกมาได้ แค่นั้นมันก็ดีสำหรับผมแล้วกับการจะไม่เรียกตัวเองว่านักร้อง คุณรู้มั้ย กับการเป็นช่างปั้น ซึ่งนั่นมันก็คงจะดี เพราะในตอนนี้ผมไม่มีเครื่องมืออะไรเลยสำหรับผมนอกจากการร้อง ผมมาคิดว่า นั่นทำไมผมถึงยังได้อยู่ในวง แต่เมื่อเร็วๆนี้มีอะไรที่แตกต่างออกไป (เครื่องสำหรับการแสดงตัวตนออกมา) มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากที่นำผมไปอยู่ในที่ๆอันตราย (หัวเราะ) เพราะว่าตอนนี้ผมสามารถเปลี่ยนความคิดของผมในวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่นี้ได้ มันยังโอเค แต่จุดที่ผมยืนมันก็ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ และ (ความคิดต่างๆ) มันก็ยังผุดขึ้นมามากขึ้นๆ "ให้ผมทำสิ่งนี้เถอะ ผมอยากจะทำมันให้เต็ม 100%" "ถ้ามันเป็นไปไม่ได้  ผมจะลาออก(จากวง)" คุณรู้ไหม สิ่งนี้เป็นกำลังผลักดันให้ผมมาไกลได้ขนาดนี้ (หัวเราะ) ผมไม่อยากจะเสียใจ (กับทุกๆสิ่ง) ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ผมไม่อยากจะบังคับแรงกระตุ้นเพื่อให้แสดงออกมา ในตอนนี้ผมสนุกกับมันมาก ตั้งแต่ผมมีมุมมองที่ดี ความรู้สึกเหมือนกับครั้งแรกที่ผมได้เข้ามาอยู่ในวง (ตั้งแต่ที่เริ่มก่อตั้งวง) มันไม่มีอะไรส่งผลกระทบกับบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ มันเหมือนกับว่า "ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แต่..." ผมสามารถลิ้มรสและเพลิดเพลินกับมันได้อีกครั้ง  เมื่อเร็วๆนี้หลังจากที่อายุ 35 ปี ไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นได้ในทุกวัน ผมคิดว่านั่นเป็นเหตุผลที่ผมอยากจะรักและเอาใจใส่ให้มากยิ่งขึ้น




_____

แปลผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะเพื่อนๆ แต่...ซึ้งกับพี่ Kyo ;_;




Share this article :

แสดงความคิดเห็น

Popular Posts

 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2011. DIR EN GREY THAILAND FAN CLUB - All Rights Reserved
Template Modify by Creating Website
Proudly powered by Blogger