post:

Home » , » แปล Kaoru’s interview in ongaku to hito May 2013

แปล Kaoru’s interview in ongaku to hito May 2013



音楽と人 2013 05




ก่อนอื่นเลยผมอยากจะถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของวงว่าเป็นยังไงบ้างหลังจากที่พวกคุณกลับมาทำงานกันอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว
Kaoru : ผมจำได้ว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับ จริงๆก็ไม่มีอะไรพิเศษนะกับการเริ่มต้นกลับมาทำงานในช่วงนั้น เพราะว่าสมาชิกทุกคนมีความท้าทายกับเหตุการณ์และจิตสำนึกในระดับที่สูง ยกตัวอย่างเช่นว่า ในการประชุมเรื่องทัวร์ ทุกคนจะมีการปะทะและขัดแย้งกันบ้าง อย่างความคิดเห็นเช่นว่า "ฉันต้องการจะแสดงอย่างนี้" แต่เมื่อเร็วๆนี้ทุกคนดูเหมือนจะเป็นแบบว่า "ฉันคิดว่ามันก็โอเค" "แม้ว่าฉันจะไม่สามารถทำมันในทัวร์นี้ได้ แต่ฉันก็จะทำมันในทัวร์ครั้งต่อไป ฉันว่ามันก็โอเคนะ" แต่สิ่งหนึ่งที่คาดหวังไว้ ผมคิดว่าในทัวร์คราวนี้ทุกคนเขาอยากจะทำในสิ่งที่เขาต้องการกัน


คุณทำยังไงเวลาที่สมาชิกในวงเค้ามีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน ?
Kaoru : อืม อย่างเช่นว่า "มาช่วยกันคิดว่าพวกเราจะทำยังไงดี มีวิธีไหนที่พวกเราจะสามารถทำในสิ่งที่พวกเราต้องการได้" (หัวเราะ) "ผมไม่มีส่วนในความคิดเห็นของทุกๆคน แต่ให้ทำบางสิ่งบางอย่างที่มันจะเป็นไปได้" "ถ้าคุณอยากจะทำอย่างนั้น ผมจะหยุด" ไม่ใช่ว่าผมเริ่มโกรธนะ


การทำสิ่งเหล่านั้นมันเป็นเรื่องยากที่จะนำมันมารวมกัน อะไรคือสิ่งที่ทุกคนอยากจะทำ?
Kaoru : พวกเราจะเป็นอย่างนั้นเสมอและนอกจากนี้ ผมคิดว่าการรวมหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่สมาชิกอยากจะทำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ


การทัวร์ในครั้งนี้จะเป็นยังไงบ้างหลังจากเหตุการณ์การหยุดพักไป คุณสังเกตเห็นอะไรต่างๆที่แตกต่างไปมั้ย กับการตอบสนองของสมาชิก?
Kaoru : ก็ไม่ได้มีอะไรที่ต่างออกไปเป็นพิเศษเพียงแค่พวกเราหยุดพักไป ในการแสดงครั้งแรกของพวกเราในวันที่ 10 ตุลาที่ Shibuya AX ก็มีกังวลเล็กน้อยกับการเล่น มันเป็นครั้งแรกในช่วงนั้น แต่ว่านอกจากนี้มันก็เป็นปกติ ผมรู้สึกเหมือนกับการทัวร์ปกติครับ


-มันแปลกที่จะพูดว่ามันเร็วมาก แต่คุณหมายความว่าเมื่อคุณกลับมาทำงานกันอีกครั้ง คุณก็แค่รู้สึกปกติ มันไม่มีการเชื่อมโยงกับการที่คุณได้พักผ่อนเลยเหรอ?
Kaoru : ผมจะคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆก่อนที่ผมจะลงมือทำ แต่เมื่อผมกลับมาทำมัน ผมก็ไม่ได้คิดมากอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น สำหรับวงที่มีการทัวร์ไปยังที่ต่างๆ การที่เราคิดมากผมว่ามันจะนำไปสู่ความเครียดได้ ผมคิดว่าทุกคนเข้าใจได้จากประสบการณ์ในครั้งนั้นนะ


แล้วการทัวร์ครั้งสุดท้ายที่ Tokyo International Forum hall เป็นยังไงบ้าง?
Kaoru : แม้จะเป็นครั้งสุดท้าย ผมคิดว่ามันเป็นไลฟ์จบที่ดีมาก พวกเราสามารถทำมันได้โดยไม่ต้องใช้จิตวิญญาณของการต่อสู้ เราไม่ได้มีความรู้สึกว่า "เพราะว่ามันเป็นที่สุดท้าย พวกเราจะต้องทำทุกอย่างทั้งหมดที่นี่" ผมคิดว่ามันดีนะที่พวกเราทำมันได้อย่างทัวร์ปกติ แม้ว่าในส่วนหนึ่งของความคิดผมคือผมอยากจะทำมากกว่านี้


-สำหรับผมมันเป็นไลฟ์ที่พิเศษมากๆ เพราะตามปกติแนวทางของวงจะทำในสิ่งต่างๆ และระวังในเรื่องของความน่าเบื่อใช่มั้ย?
Kaoru : อืม ใช่ครับ


-ความเครียดของคุณบนเวทีดูแล้วคุณก็ไม่ได้เบิกบานอะไร แต่ไลฟ์ในวันนั้นเป็นอะไรที่ผ่อนคลายมาก หรือผมอาจจะพูดว่ามันไม่มีบรรยากาศของความตึงเครียดเลย หรือมันอาจเพราะความมีชีวิตชีวามันยังหลงเหลือความประทับใจที่ยิ่งใหญ่ไว้มากเลยทีเดียว
Kaoru : ครับ บรรยากาศของสถานที่จัดไลฟ์นั้นดีมาก ผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่มันจะผ่านไปได้อย่างแน่นอน อย่างไลฟ์ในวันนั้นก็เป็นการเชื่อมต่อกับความรู้สึกของ?


วันคริสมาสต์
Kaoru : ฮาๆๆ


ฟังจากคุณพูดในตอนนี้แล้ว ผมคิดว่าไลฟ์ของพวกคุณเป็นไปอย่างชัดเจน เพราะว่าพวกคุณเองก็ไม่ได้ตื่นเต้นสับสนกับการหยุดพักวงและการสิ้นสุดทัวร์
Kaoru : อาจจะเป็นอย่างนั้น เพราะว่าหลังจากที่ไลฟ์ของ Dir en grey ดำเนินต่ออีกครั้ง พวกเราก็มีการเตรียมตัวที่จะปล่อยงานใหม่ของพวกเราออกมา แล้วก็มีการวางแผนทัวร์ต่างๆ และแม้ว่ามันจะเป็นทัวร์สุดท้ายในตอนนั้น พวกเราก็จะให้ความสนใจและตระหนักถึงสิ่งที่พวกเราจะต้องเตรียมตัวสำหรับอนาคต


นั่นคือ "พวกเราจะดำเนินต่อไป" นี่เป็นความรู้สึกที่พวกคุณนำมาใช้กับงานล่าสุดของคุณด้วยใช่มั้ย?
Kaoru : ผมไม่อยากให้คุณมองไปในทางที่ผิด แต่สำหรับสิ่งเล็กๆน้อยๆผมก็คิดว่ามันไม่เป็นไร ผมเริ่มต้นคิดในสิ่งที่มันจะไม่เป็นอะไร  ยังไงก็ตามพวกเขาก็ไม่เป็นไรจริงๆ แน่นอนว่าจะต้องมีส่วนที่ผมหมกมุ่นอยู่กับมัน แต่นอกนั้นมันเหมือนกับจะยังไงก็ได้ ผมมีวิธีการคิดของผม ในท้ายที่สุดมันกลายเป็นว่าผมสามารถที่จะคิดอย่างนั้นได้


คุณหมายความว่ายังไง?
Kaoru : ก็ทำมันง่ายๆ ในท้ายที่สุดแล้วผมสามารถจะทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติในแนวทางของผม ในทุกๆเพลง ทุกๆไลฟ์ หรือการให้สัมภาษณ์ ผมสงสัยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำไปแล้วมาจนถึงตอนนี้ ความตั้งใจนั้นมันกลายมาเป็นสิ่งที่ผมสามารถจะทำได้ในแนวทางของผม ยังไงก็ตาม มีบางครั้งที่ผมซึมซับหลายๆสิ่งและยัดเยียดสิ่งเหล่านั้นเข้ามาในตัวเอง หลังจากการแสดงผมคิดว่ามันมากเกินไป แต่ในตอนนี้ผมสามารถจะทำมันให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ได้


ผมคิดว่า Dir en grey กลับมาแล้วอย่างแน่นอน
Kaoru : ครับ กับการหยุดพัก จริงๆแล้วพวกเราก็เผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านั้นโดยไม่สับสน


คุณหมายความว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป พวกคุณยังทำเพลงได้อย่างปกติ?
Kaoru : ครับ พวกเราทำกันอย่างปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มันยังคงเป็นแบบนี้เสมอ เว้นเสียแต่พวกเราพยายามจะสร้างขอบเขตที่แน่นอนกับสิ่งต่างๆให้ปรากฏออกมา แม้ว่าพวกเราจะไม่รู้ว่าเพลงมันจะออกมาเป็นแบบไหน


สิ่งนั้นไม่ต้องอธิบายออกมา?
Kaoru : พวกเราไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำพูดอะไรเกี่ยวกับอิมเมจของเพลง แต่ความคิดของทุกคนก็จะรวบรวมอยู่ในนั้น มันเป็นสิ่งที่พวกเราสังเกตได้หลังจากนั้น ตัวอย่างเช่น พูดเกี่ยวกับการรวมเข้าด้วยกัน มันจะเหมือนกับ "อ้่าา มันเป็นอย่างนั้นใช่มั้ยล่ะ" โดยที่ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย


คุณไม่คิดเหรอว่าการที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยมันเป็นปัญหา?
Kaoru : อ่า แต่พวกเราก็ไม่สามารถที่จะโยนกันไปโยนกันมาได้ เพียงแค่ความรู้สึกของพวกเราเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วผมก็ได้พูดคุยกับสมาชิกอยู่ไม่กี่คน (ประมาณว่าคนที่เข้าใจซึ่งกันและกันดีแล้ว โดยไม่ต้องพูดอะไรกันให้มากความ)


คุณหมายความว่าพวกคุณทั้งห้าโยนกันไปโยนกันมาได้ไม่ดีงั้นเหรอ?
Kaoru : อาจจะ เพราะว่าพวกเรามีบางส่วนที่ต้องคำนึงถึง ในสมาชิกทั้งสี่คนถ้ามีใครสักคนที่ดึงทิศทาง และสมาชิกคนอื่นๆก็พยายามดึงทิศทางไปทางตรงข้าม วงพวกเราก็จะประกอบด้วยบางอย่างที่มีความสมดุล



คุณไม่คิดเหรอว่ามันเป็นความสมดุลที่ประกอบไปด้วยอันตราย?
Kaoru : คุณสามารถพูดอย่างนั้นได้เพราะว่ามันน่าสนใจยังไงล่ะ


แต่มันเป็นประเภทความสัมพันธ์ที่น่าเบื่อหน่ายใช่มั้ยล่ะ?
Kaoru : ไม่นะ มันไม่ใช่ในส่วนที่มีความน่าเบื่อหน่าย ในอดีตถ้าพูดตามความจริงมันก็น่าเบื่อล่ะ (หัวเราะ) การตั้งชื่อให้กับอัลบั้มในช่วงเวลานั้นคือ “Withering to death” ฯลฯ ในเวลานั้นบรรยากาศภายในวงยังไม่ได้รับการตัดสินใจอะไร พวกเราคิดกันหลายสิ่งหลายอย่าง ตอนนั้นพวกเรายังแต่งหน้ากันอยู่เลย แต่พวกเราก็ต้องการให้มันกลายเป็นหนักขึ้นและหลบหนีจากความสนุกและบรรยากาศที่มีความสุข และทำให้ไลฟ์มีความรู้สึกที่ตีงเครียดเพิ่มมากขึ้น ยังไงก็ตามแต่พวกเราต่างก็พากันคิดถึงสิ่งนี้มาก สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถรวมเข้ากับการเป็นวงดนตรีได้ แต่ว่ามันก็เป็นเหมือนพลังผลักดันอย่างแรงให้พวกเรานะ


คุณกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่มีการเปลี่ยนแปลง?
Kaoru : มันเหมือนกับทุกคนต่างก็มีสิ่งต่างๆที่อยากทำไม่เหมือนกัน ดังนั้นพวกเราจะรวมเข้าด้วยกันให้เป็นอย่างที่วงดนตรีจะสามารถผลิตสิ่งต่างๆได้ยังไงในท้ายที่สุด มันก็ผ่านมาได้ด้วยการทำงานที่หนักและบังคับให้ผู้คนต้องยอมไปตาม แม้ตอนนี้พวกเรายังคงทำแบบนั้นบ้างในบางครั้ง แต่ทุกคนก็สามารถผลักดันขึ้นได้มาก เช่นว่า "ฉันจะออกจากในส่วนของคุณ แต่ฉันจะทำในส่วนนี้" ดังนั้นมันเลยกลายเป็นง่ายมากสำหรับพวกเราที่จะรวบรวมความคิดทั้งหมดเข้าด้วยกัน


ผมจะถามเหมือนกันในแนวทางที่มีใจมุ่นมั่นนี้ แต่ทำไมคุณยังไม่ล้มเลิก?(หัวเราะ)
Kaoru : อืม มันดูเหมือนว่าพวกเราจะล้มเลิกกันใช่มั้ย (หัวเราะ)


ฮาๆๆๆ
Kaoru : มันเป็นความอดทน (หัวเราะ)


ทำไมคุณถึงคิดว่าพวกคุณจะดำเนินวงกันต่อไปโดยไม่มีการล้มเลิกล่ะ?
Kaoru : อ่า ในท้ายที่สุดพวกเราจะคิดว่า อะไรคืดสิ่งที่พวกเราจะสามารถทำได้ด้วยตัวเองพวกเราไม่สามารถทำอะไรได้นอกเหนือจากการเป็นวงดนตรี นั่นคือสิ่งที่ผมคิด ผมคิดว่าทุกคนต่างก็คิดเหมือนกัน ช่วงเวลาที่น่าเบื่อจริงๆกับบรรยากาศที่ภายในวงตึงเครียดกลายเป็นท่วงทำนองที่ให้ชีวิตกับพวกเรา และมวลอากาศของความตึงเครียด ฯลฯ มันก็ดีนะ แต่ด้านหลังเวทีนี่ล่ะที่มันเหนื่อยจริงๆ (หัวเราะ)


เพราะว่าพวกคุณมีความสัมพันธ์ที่น่าเหนื่อยหน่ายในอดีต พวกคุณเลยเป็น Dir en grey อย่างทุกวันนี้ใช่มั้ย?
Kaoru : ถ้าผมคิดเกี่ยวกับมันตอนนี้ก็คือ "พวกเราแค่ทำในสิ่งนี้ มันก็จะเป็นอย่างนี้" อย่างความรู้สึกในความคิดของผมคิดว่า "ไอ้นี่มันโง่!" "อะไรจะเกิดขึ้นถ้าคุณทำลายมันแม้ว่าคุณจะสามารถแสดงชนิดของดนตรีในบรรยากาศที่เป็นแบบนี้ได้ก็เถอะ!"


นั่นมันก็อาจจะ แต่นั่นไม่มีความหมายอะไรที่พวกคุณทั้งห้าจะอยู่ในรถคอนเทนเนอร์ และทำงานเพลงและเขียนเพลงของคุณในปัจจุบัน ทั้งหมดมีความแตกต่างจากตอนนี้หรือเปล่าคุณคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง?
Kaoru : ผมแน่ใจว่า เราไม่สามารถย้อนกลับไปในเวลานั้นได้ แต่ผมคิดว่าพวกเราไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากตอนนั้น พวกเราไม่ใช่วงที่ออกไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นปกติตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว ผมเลยไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเราจะเปลี่ยนไปมาก มันแค่...ถ้าคุณอยู่ด้วยกันกับใครสักคนที่ใช้เวลามาแล้ว 15 ถึง 16 ปี คุณได้เห็นในด้านของพวกเขาที่คุณไม่อยากจะเห็นใช่มั้ยสิ่งที่คุณไม่สามารถมองเห็นในเวลานี้ ฯลฯ นั่นล่ะความหมาย พวกเรากลายเป็นว่าไม่เข้าไปก้าวก่ายในชีวิตของสมาชิกแต่ละคน ในอดีตพวกเรามีชีวิตที่เป็นส่วนตัว แต่สิ่งเหล่านั้นมันก็เพียงแค่หายไปตามธรรมชาติ


ดังนั้นคุณเลยสร้างระยะห่างระหว่างตัวคุณเอง?
Kaoru : พวกเราค่อนข้างจะสร้างระยะห่าง แต่มันก็กลายเป็นเรื่องที่ไปได้สวย พวกเราเหมือนกับพี่น้องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ในเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับสมาชิกคนอื่นๆ ผมจะกังวลมาก มันเป็นเรื่องปกติ เมื่อพวกเราอยู่ด้วยกันมันเหมือนกับพวกเราไม่ได้สนใจในสิ่งที่คนอื่นๆทำ มันแค่เหมือนกับเมื่อพวกเราทำบางสิ่งบางอย่างร่วมกันเป็นวงดนตรี เราจะทำบางสิ่งบางอย่างที่น่าสนใจได้อย่างแน่นอน ผมไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเราจะเปลี่ยนไปมาก


นั่นสินะ ก็อย่างที่คุณพูด คุณคิดว่าอาจจะมีส่วนที่ไม่เปลี่ยน เช่นเดียวกับผมที่คิดว่าวงดนตรีที่อยู่มาได้เป็นเวลานานอย่างนี้จะมีความสัมพันธ์ที่พิเศษมาก
Kaoru : ถ้าคุณพูดอย่างนั้น เพราะว่าพวกเราทั้งหมดเป็นคนที่น่าอึดอัด วงพวกเราไม่มีใครเชี่ยวชาญในเรื่องการเข้าสังคม นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าวงที่มาได้ไกลขนาดนี้เพราะว่าอาจจะมีความน่าสนใจ


ดังนั้นการตั้งค่าต่างหากกับความเป็นจริงในเรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่คุณมีร่วมกันมากว่า 16 ปี คุณสามารถทำในสิ่งที่น่าสนใจให้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ?
Kaoru : ใช่ครับ ผมยืนอยู่ในตำแหน่งผู้นำไปก่อนใช่มั้ยแต่ผมก็ไม่ได้ทำมันจริงๆอย่างที่ผู้นำจะทำ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีการทะเลาะกันในวง จากนั้นผมจะรับหน้าที่เป็นใครสักคนที่แสดงความโกรธเล็กน้อย ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ผู้นำจะต้องรับฟังว่าเกิดอะไรขึ้น และให้กำลังใจทุกๆคน แต่ในทางกลับกัน ผมทำเพียงแค่ผลักไสมันออกไป (หัวเราะ)


อย่างนั้นเหรอ ผมไม่คาดคิดเลยนะเนี่ย (หัวเราะ)
Kaoru : ผมเป็นคนประเภทที่คิดว่า "ถ้าพวกเขาคิดทบทวนคนเดียวว่ามันถูกต้องแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาจะเข้าใจมันเอง" จริงๆแล้วท่ามกลางสมาชิกแต่ละคน ผมเป็นคนที่ไม่ได้พูดคุยกับทุกคนนะ ดังนั้นบางครั้งผมคิดว่ามันถูกต้องแล้วเหรอ กับการเป็นผู้นำ?


แล้วทำไมคุณถึงผลักไสมันออกไปล่ะ?
Kaoru : ก็คือถ้าผมฟังเรื่องราวต่างๆที่นั่นผมก็จะสามารถเข้าใจมันได้ เช่นเดียวกับ "อ่า ฉันเข้าใจละ" หลังจากนั้นผมจะคิดว่า "อย่าโกรธกันด้วยเรื่องอย่างนี้เลย!"



ผมเห็นด้วยกับคุณนะ (หัวเราะ)
Kaoru : ในความหมายคือ ผมไม่ได้ทำบทบาทหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จลุล่วง ทุกคนต่างคิดและทำหน้าที่ของพวกเขาไป แม้ว่าสมาชิกทั้งหมดจะก้าวเดินด้วยตัวของพวกเขา ดังนั้นถ้าผมไม่ได้โบกธงแล้วพูดว่า "เฮ้! ทางนี้!" พวกเขาคงจะเดินหลงทางไปที่ไหนสักแห่ง อย่างน้อยผมก็ได้ทำมันแล้ว (หัวเราะ)


---

แปลแบบขรุขระไปบ้างขออภัยด้วยนะ 55+มึนๆ ตลกคำตอบสุดท้ายพี่แกมาก ถ้าไม่โบกธงนี่ น้องๆทั้ง 4 คงหายเข้าดงเข้าป่าสินะ 5555+ ยังเหลือแปลอีกสองคน รออ่านกันนะจะพยายาม ^^






Share this article :

แสดงความคิดเห็น

Popular Posts

 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2011. DIR EN GREY THAILAND FAN CLUB - All Rights Reserved
Template Modify by Creating Website
Proudly powered by Blogger