post:

Home » , » 音楽と人 2014.02 - KYO DIR EN GREY

音楽と人 2014.02 - KYO DIR EN GREY


ในปี 2013 เป็นอย่างไรบ้างสำหรับคุณ
Kyo : อ่าา ผมจำไม่ได้จริงๆ พูดตามความจริงแล้ว มันมีหลายสิ่งเกิดขึ้น ผมเข้าโรงพยาบาล มีปัญหามากมาย...ผมไม่อยากจะมองกลับไปในอดีตอีก


ผมเข้าใจนะ แต่ว่ามันก็ยังเกิดขึ้นอยู่?
Kyo : ผมไม่ชอบจริงๆนะที่ตัวผมในปัจจุบันจะมองกลับไปในอดีต ในเวลานั้นผมมีความคิดเป็นของตัวเอง ดังนั้นด้วยความซื่อสัตย์ในการตอบคำถามอะไรพวกนี้ ผมจะตอบว่าผมจำไม่ได้ คือ...จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ทำมันดีที่สุดหรอกนะ (หัวเราะ)


ยังไงก็ตามแต่ ปีที่แล้วมันก็เป็นปีที่คุณเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ
Kyo : นั่นมันก็จริงครับ ผมอยากจะทำสิ่งนั้นต่อ ไม่ใช่แค่ในส่วนของ DIR EN GREY แน่นอนว่าพวกเราก็มีไลฟ์ และยังบันทึกเสียงเพลงใหม่ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งใหม่อะไร นั่นทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าปี 2013 มันไม่ได้เป็นปีที่พิเศษ แต่มันดูเหมือนกับผมไม่มีเวลาที่แน่นอนในช่วงปีนั้น มันเหมือนกับจะเริ่มดำเนินต่อไปในอนาคตได้เป็นอย่างดี ผมมีความรู้สึกอย่างนั้นนะ


งั้นคุณก็พูดเหมือนกับว่าคุณสามารถทำสิ่งที่คุณต้องการจะทำได้
Kyo : อืม ใช่ครับ แต่สิ่งที่ผมต้องการจะทำด้วยตัวเองมันมีเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่หยุด มันเลยเริ่มยากที่จะไล่ตามสิ่งเหล่านั้นได้หมด


จากเวลานั้นคุณก็เริ่มต้นกิจกรรมของคุณหลังจากที่คุณหยุดพักไป ที่คุณเคยพูดว่าคุณไม่มีเวลาให้กับมัน
Kyo : ใช่แล้ว แต่ตอนนี้ผมมีเวลาน้อยกว่าตอนนั้นนะ มีมากมายหลายสิ่งที่ผมคิดอยากจะทำมานานแล้ว ผมในปัจจุบันก็คิดเสมอว่า ผมต้องการจะทำอะไร มันมากและมากขึ้นเรื่อยๆ ความคิดมากมายมันหลั่งออกมา ผมมองและคิดตามมันเสมอว่า "อย่างนี้จะเป็นยังไง? อย่างนั้นจะเป็นยังไง?" จากนั้นเมื่อผมได้ไอเดียแล้วผมก็จะวาดมันลงไป


ทำไมคุณถึงได้คิดว่าตัวคุณเป็นอย่างนั้น ความปรารถนามากมายมันเพิ่มขึ้นมาจากไหนกัน โดยที่คุณไม่เคยมีมาก่อน?
Kyo : คุณหมายถึงผมจะห้ามสิ่งที่อยู่ภายในตัวผมออกมาได้ยังไงเหรอ? เมื่อมันเกิดขึ้น ผมก็กลายเป็นอย่างนั้นล่ะ


คุณจะห้ามมันแบบไหน?
Kyo : จนถึงตอนนี้ผมกับ DIR EN GREY ก็มีงานยุ่งกันเสมอ ภายในวงสิ่งที่ผมสร้าง 'ด้วยตัวเอง' และแสดงออกมานั่นคือ 'ตัวผม' จากจุดตรงนั้น เมื่อผมเริ่มคิด ผมก็ไม่สามารถจะคิดเกี่ยวกับสิ่งอื่นได้เลย ผมไม่เพียงแค่คิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่นี่คือผม ที่ต้องการจะทำ DIR EN GREY ต่อไปอย่างชัดเจน ท้ายที่สุดแล้วการห้ามมันก็แค่สิ่งที่ออกมาอย่างไม่ได้คาดหวังอะไร


ในช่วงที่พักวงมีกิจกรรมอะไรบ้าง?
Kyo : ตอนนี้ผมจำอะไรไม่ได้ หลังจากที่ห้ามตัวเองแล้ว ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย คุณเข้าใจใช่มั้ย? ดังนั้นผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวผมไม่ได้อยู่ใน DIR EN GREY แต่มันเหมือนกับ DIR EN GREY อยู่ภายในตัวผม อีกนัยคือความเห็นของผมมันกลับตาลปัตร


ดังนั้น DIR EN GREY ไม่ใช่คุณทั้งหมดอีกต่อไป แต่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของคุณ
Kyo : จากตอนนั้นมันเหมือนกับ "ฉันอยากทำอย่างนั้น! ฉันอยากทำอย่างนี้!" จะยังไงก็แล้วแต่ผมก็ยังคงคิดเกี่ยวกับบางสิ่งในทุกๆวัน ผมสงสัยว่าผมจะหาเวลาในการทำสิ่งเหล่านั้นได้ยังไง ผมอาจจะทำลายร่างกายของผมเพื่อขอบคุณสิ่งนั้นก็ได้


คุณหมายความว่าคุณเริ่มจะติดกับในสิ่งที่คุณอยากจะทำใช่มั้ย?
Kyo : แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรใช่มั้ยล่ะ บางสิ่งมันก็แค่เรื่องส่วนตัวที่ผมอยากจะทำ


คุณรู้สึกว่าคุณสังเวยให้กับบางสิ่งที่คุณต้องการจะทำ?
Kyo : ครับ ผมไม่ได้มีเวลามากมายอะไร ดังนั้นในความหมายของผมทั้งหมดคือ ผมสังเวยให้กับบางสิ่ง ไม่ใช่เพียงแค่ร่างกายของผม ผมเองก็ยังไม่มีเวลามากพอที่จะไปพบปะเพื่อนฝูง ก่อนหน้านั้นผมได้เจอกับพวกเขาค่อนข้างบ่อย แต่ตอนนี้ผมแทบไม่มีเวลาทำอย่างนั้น คุณเจอกับผู้คนส่วนใหญ่ในช่วงตอนเย็นใช่มั้ย? แต่สิ่งที่ผมทำนั้น ผมต้องตื่นแต่เช้าและเข้านอนเร็วๆ ประมาณห้าทุ่ม สี่ทุ่ม หรือสามทุ่ม ดังนั้นตอนนี้ผมไม่สามารถจะเจอกับใครได้เลย


อย่างนั้นเรียกว่าเร็วเหรอ? (หัวเราะ)
Kyo : แต่ว่าผมก็พยายามตื่นหลังจากที่ผมหลับไปประมาณสองหรือสามชั่วโมง แล้วก็กลับไปหลับต่อ แต่ว่าผมทำไม่ได้ ผมพยายามหลายๆอย่างแต่มันก็ไม่ได้ผล ดังนั้นตอนหกโมงเช้า หรือเจ็ดโมงเช้า ผมถึงได้กลับไปนอนอีกครั้ง


นั่นมันก็ยากเหมือนกัน
Kyo : เมื่อตอนที่คุณนอนไม่หลับ แต่คุณพยายามที่จะนอนให้หลับ มันค่อนข้างลำบากนะ ใช่มั้ย? ดังนั้นผมเลยตื่นและทำงานต่อ ผมสามารถใส่รายละเอียดมากมายลงไปในงานได้ แต่ว่าพอตาของผมเริ่มลาย ผมก็เริ่มที่จะกังวลกับมันแล้วสิ


คุณเคยมีปัญหาเรื่องการนอนหลับมาก่อนมั้ย?
Kyo : ไม่เลย ระบบการนอนของผมมันวุ่นวาย แต่ผมก็ไม่ชอบที่ผมไม่สามารถจะหลับได้ มันก็ผ่านมาจะครึ่งปีแล้วที่ผมไม่สามารถจะหลับได้ มีหลายสิ่งที่ผมกังวลกับมัน และผมอยากจะทำ มันติดอยู่ในหัวของผมไม่ไปไหน


ผมคิดว่าอาจจะเพราะเหตุนี้ล่ะ
Kyo : น่าจะเป็นไปได้นะ ตอนนี้ผมเริ่มวางแผนในสิ่งที่ผมต้องการจะทำ ยังไงก็แล้วแต่ผมคิดว่าผมก็เริ่มที่จะกังวลกับมัน ความรู้สึกมันเหมือนกับมีเวลาจำกัดในการจะทำสิ่งเหล่านั้น ผมไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่ผมก็ตัดสินใจที่จะให้เวลาจำกัดแค่ 3 ปี และผมก็เริ่มกระบวนการกำหนดทิศทาง


ทำไมคุณถึงได้กำหนดเวลาจำกัดแบบนั้นล่ะ?
Kyo : ถ้าผมไม่กำหนดเวลาเพื่อตัวเอง ผมก็จะกลายเป็นคนขี้เกียจ พวกเราไม่ได้มีเวลามากมายขนาดนั้น ผมเลยตัดสินใจที่จะกำหนดตอนจบ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะสามารถทำทุกสิ่งที่ผมอยากจะทำในช่วงเวลานี้ได้มั้ย ถ้าผมสามารถอัดทุกสิ่งที่ผมอยากจะทำได้ มันก็จะได้ไม่มีผลกระทบกับกิจกรรมของ DIR EN GREY ดังนั้นผมเลยพยายามทำทุกอย่างให้มันสมดุล แต่ผมจะสามารถทำมันได้ทันเวลาเหรอ? ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นตลอดเวลา


เพราะว่าคุณนอนไม่หลับ ฟังจากคุณพูดในตอนนี้ ผมคิดว่า DIR EN GREY เป็นทุกอย่างสำหรับคุณ นั่นเพราะอะไรการตอบสนองของคุณถึงได้มีพลังมาก
Kyo : อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้ ในตอนนี้ DIR EN GREY ก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดสำหรับผมเช่นเดียวกัน ดังนั้นสิ่งที่ผมวางแผนจะทำด้วยตัวเองในเวลาเดียวกันนี้ โดยไม่เปลี่ยนแปลงอะไร (เกี่ยวกับกิจกรรมในวง DIR EN GREY) ผมจะแบ่งพลังงานของผมเพื่อ DIR EN GREY และจะใช้สำหรับสิ่งอื่นๆ ผมไม่ชอบจริงๆเลยนะ (หัวเราะ) นั่นทำไมผมถึงได้ไม่มีเวลา


คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าการทำอะไรใหม่ๆมันจะเป็นการรบกวนกิจกรรมภายในวง?
Kyo : คุณคิดอย่างงั้นเหรอ? ถ้าในมุมมองของผมกับสมาชิกคนอื่นๆภายในวง ผมรู้สึกว่ามันไม่รบกวนนะ ถึงแม้สมาชิกในวงจะทำอะไรบางสิ่งที่ค่อนข้างแตกต่างมากสำหรับ DIR EN GREY ผมก็จะตอบสนองแค่ว่า "อ้อ งั้นเหรอ" ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเปิด Izakaya บาร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ (หัวเราะ)


ผมไม่อยากจะจินตนาการไปถึงบางสิ่งที่เหมือนกับ Izakaya เลยนะ (หัวเราะ) แต่ภาพลักษณ์ของวงก็เหมือนกับเป็นแนวกั้น ถ้ามีคำถามหลุดออกมาว่า ทำไม? จากที่นี่ มันก็คงจะดูไม่แปลกใช่มั้ยล่ะ
Kyo : จริงเหรอ? ผมคิดว่ามันค่อนข้างดีนะ ไม่เกี่ยวว่าผมจะทำอะไร ดังนั้นถ้าเกิดว่ามีสมาชิกในวงคิดอยากจะทำบางสิ่งหรืออะไรก็ตาม ผมคิดว่ามันอาจจะง่ายนะในตอนนี้ นั่นล่ะคือสิ่งที่ผมปูทางไว้แล้ว


นั่นมันก็จริง
Kyo : ไม่ว่าอะไรมันจะดีหรือแย่ ถ้าคุณเริ่มลองทำสิ่งใหม่ๆในปัจจุบัน มีคนมากมายที่จะให้ความเห็นหรือวิจารณ์ ผมแค่คิดว่าไม่มีอะไรที่พวกเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นได้ (เปลี่ยนแปลงคำวิจารณ์ในผลงาน)


ผมคิดว่าเป็นปกติที่แฟนๆค่อนข้างจะกังวล เพราะว่า DIR EN GREY เป็นวงที่ไม่มีสมาชิกคนไหนออกมาทำ Solo เลย
Kyo : ผมไม่เข้าใจความกังวล...แต่ว่าพวกเขากังวลกันเหรอ หรือว่าไม่?


ผมคิดว่าพวกเขากังวลกัน
Kyo : พวกแฟนคลับน่ะพวกเขาก็มีมโนภาพต่อวงของพวกเขาเองใช่มั้ย? ดังนั้นถ้าพวกเราทำลายความคิดนั้น พวกเขาก็อาจจะรู้สึกกังวล แต่ถ้าพวกเราให้ความสนใจมากมายกับสิ่งนั้น ผมคิดว่าพวกเราคงไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย


ทุกคนก็เป็นอย่างนั้นล่ะ
Kyo : มันไม่ได้จำกัดแค่เหล่าแฟนคลับ แต่มันก็มีช่วงเวลาที่ผมคิดอย่างนั้นเหมือนกัน กับผู้คนที่อยู่รอบตัวผม คนญี่ปุ่นจะเข้มงวดมากๆกับเรื่องนั้นใช่มั้ย มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าผมจะไม่ค่อยเข้มงวดกับสิ่งนั้น?


นั่นมันก็มีส่วนที่ทำให้ผู้คนเค้ากลัวกันว่าวงจะเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับความเห็นทั่วๆไป กับบางกฏเกณฑ์ที่ปฏิบัติกันมาเป็นเวลานาน ผู้คนก็จะมีปัญหากับการสนับสนุน และก็การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันใช่มั้ยล่ะ?
Kyo : ว่าแต่ผมเปลี่ยนไปจริงๆเหรอ? ผมไม่คิดว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงนะ


คุณไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างงั้นเหรอ?
Kyo : ถ้ามีบางสิ่งที่มีผลต่อ DIR EN GREY เพียงเพราะผมปล่อยสิ่งที่ผมอยากจะทำออกมามากมาย แม้ใครหลายๆคนจะมองว่า "เขาเปลี่ยนไป" หรือ "ฉันไม่ชอบมันเลย" นั่นมันก็ไม่มีทางอื่นแล้ว แต่ผมไม่คิดว่า ผมที่เป็น Kyo DIR EN GREY เปลี่ยนไปแม้แต่นิด แน่นอนว่าถ้าพวกเรามองจากมุมมองส่วนตัว และมีใครบางคนบอกว่าผมเปลี่ยนไป ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่ผมและ DIR EN GREY ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย


ผมเข้าใจละ ยังไงก็ตาม Single ล่าสุดนี้ ผมสามารถเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของวงเมื่อเปรียบเทียบกับสมัยก่อน ผมสงสัยว่าในความเป็นจริงแล้วที่คุณเริ่มงาน Solo มันไม่ได้เป็นแรงกระตุ้นหลักสำหรับการเปลี่ยนแปลงเหรอ คุณคิดยังไงกับผลงานเพลงใหม่ของคุณ
Kyo : ผมไม่รู้จริงๆนะ มันเหมือนกับเป็นไปตามธรรมชาติ ผมไม่คิดเกี่ยวกับว่ามันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง พวกเราแค่ทำเพลงไปอย่างธรรมชาติ มันเกิดขึ้นโดยบังเอิญอย่างนั้นเหรอ?(กับการเปลี่ยนแปลง)



ถ้ามองแบบไม่เอาความคิดเห็นส่วนตัวเข้ามาปนแล้ว SUSTAIN THE UNTRUTH เป็นเพลงประเภทไหน?
Kyo : ผมไม่สามารถจะมองแบบนั้นได้ แต่ผมคิดว่า มันเป็นเพลงแบบ DIR EN GREY จริงๆ


งั้นเพลงของ DIR EN GREY ก็เป็นประเภทเพลงที่เข้าใจได้ง่าย
Kyo : พวกเราทำเพลงให้ง่ายต่อการเข้าใจ น่าจะแล้วแต่คนนะ พวกเราทำกันแบบคิดไปในแนวทางนั้น


คุณตั้งใจทำมันให้ง่ายต่อการเข้าใจงั้นเหรอ?
Kyo : ผมสงสัยว่า มันกลายมาเป็นแบบนั้นในระหว่างที่พวกเราทำเพลงหรือเปล่า? มันเป็นอารมณ์ในช่วงนั้นแค่นั้นล่ะ (หัวเราะ) ผมคิดว่าพวกเรามีเซนส์ที่ว่า "ไปทางนี้กันเถอะ" จากนั้นก็เริ่มต้นกัน


คุณจะบอกว่าคุณตัดสินใจเริ่มต้นทำงานเพลงแบบนั้น และก็ลงมือทำในวิธีการนั้น
Kyo : ครับ ผมคิดอย่างนั้น มันไม่เหมือนตอนนี้ที่พวกเราทำงานแบบ "ใครมาก่อนก็ได้ก่อน" แต่พวกเรามีแบบแผนที่จะทำและเอามันมารวมกันในตอนท้ายโดยสมาชิกแต่ละคน (แยกกันทำงาน) พวกเราไม่เคยทำในสิ่งที่เหมือนว่ามันเป็น "หนทางปฏิบัติ"


คุณหมายถึงแนวทาง(ของวง)ในการทำผลงานเพลง?
Kyo : ใช่ครับ ผมไม่สามารถจะเล่นเครื่องดนตรีอะไรได้ดีเลย ดังนั้นผมไม่รู้จริงๆว่าจะต้องทำงานอย่างไร แต่ตอนนี้ก่อนที่จะบันทึกเสียงพวกเราทั้งห้าคนจะเอาท้วงทำนองที่น่าจะเป็นไปได้มารวมเข้าด้วยกัน พวกเราเป็นวงที่ไม่เคยทำมันสำเร็จมาก่อน เพราะว่าการแสดงไลฟ์มันเป็นไปได้ยาก ในตอนท้ายจะเป็นช่วงที่พวกเราเปลี่ยนแปลงจังหวะ และถ้อยคำในบทเพลง มาถึงตอนนี้แล้วผมเข้าใจ ในเวลานี้พวกเราอาจสามารถหลีกเลี่ยงมันก็ได้ ตอนที่ถึงเวลาที่ต้องรวมทำนองเข้าจริงๆแล้ว พวกเราก็จะพูดกันประมาณว่า "ทางนี้ดีที่สุดแล้ว ใช่มั้ย?"


กับทุกๆคน?
Kyo : ครับ แต่ผมก็แค่ฟังเท่านั้นในระหว่างพูดกัน และผมก็แปลกใจว่า "ฮะ? (มันสำเร็จได้ยังไงกัน)" (หัวเราะ) แต่พวกเราจะหยุดรวมในสิ่งที่พวกเราไม่สามารถจะแสดงใน live ได้ พวกเรามีความรู้สึกแบบนั้นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราถึงมีแนวทางที่มันซ้อนทับกัน ท้วงทำนองเพลงก็จะแตกต่างกันไปกับวิธีการที่พวกเราจะเอามันมาใช้ สิ่งเหล่านี้จะเชื่อมต่อไปที่การเปลี่ยนแปลงเสียงเพลงของพวกเรา ใช่มั้ยล่ะ?


ใช่ นั่นทำไมผมถึงได้คิดว่ามันง่าย ผมคิดว่าการปล่อยผลงานเพลงอย่างนั้นมันเหมือนกับอากาศรอบๆภายในวงจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นด้วย
Kyo : ผมคิดว่าบรรยากาศภายในวงก็ยังคงเหมือนเดิม อะไรเป็นความจริงของความแตกต่างที่ทำให้ทุกคนมีอิสระ สมาชิกทุกคนก็ยังคงทำหลายๆสิ่งที่นอกเหนือจากกิจกรรมของวง


ไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างงั้นใช่มั้ย?
Kyo : ใช่ครับ ผมคิดว่าเพราะในตอนนี้ทุกคนมีอิสระมากกว่าแต่ก่อน ผมเคยพูดก่อนหน้านั้นแล้ว และในตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันก็ดีที่ได้ทำอะไรบางอย่างนอกเหนือจากการทำวง


คุณพูดเหมือนกับว่าเพลงนี้นำความเปลี่ยนแปลงมางั้นเหรอ?
Kyo : ผมไม่รู้ เพียงแต่ถ้ามีคนที่ทำบางสิ่งบางอย่างในครั้งแรกโดยที่ยังไม่มีใครทำ ผมแน่ใจว่าเขาจะได้ยินในหลายๆสิ่ง แต่ถ้าใครบางคนทำในสิ่งเดิมๆ มันก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ใช่มั้ยล่ะ?


แต่นั่นก็ไม่ได้ความว่าคุณจะเริ่มงานโซโล่และเปลี่ยนใช่มั้ย
Kyo : ตรงนั้นไม่มีอะไรที่ผมต้องการจะเปลี่ยน มันเพียงแค่ปัญหาเล็กๆของผมในการเป็นมนุษย์ที่อยู่ตามลำพัง ผมก็เคยพูดไปก่อนหน้านั้น แต่ผมคงทนไม่ได้ที่จะต้องเก็บกด ผมพยายามที่จะหลบหนีและทำลายมัน ยกตัวอย่างเช่น ไม่ว่าอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญในตอนนี้ ถ้ามันมีข้อจำกัดที่มากมายเกินไป ผมก็จะเริ่มเกลียดมัน


นั่นทำไมคุณถึงได้พูดว่า คุณปล่อยให้ตัวคุณเองได้มีอิสระ
Kyo : ครับ ดังนั้น DIR EN GREY ก็ยังจะดำเนินต่อไป ใช่มั้ยล่ะ? แต่เมื่อมันกลายเป็น "ในที่สุดมันก็เป็นไปไม่ได้" หรือการแสดงที่ Shibuya ที่คอของผมมันใช้การไม่ได้ ผมก็ยังไม่อยากที่จะหยุดมันเด็ดขาด ผมพูดว่า "ผมร้องเพลงอย่างงั้นไม่ได้" และพวกเราก็ระงับกิจกรรมในวงของพวกเรา



ใช่
Kyo : มันเกิดขึ้นในระหว่างทัวร์ครั้งที่แล้วในอเมริกาที่ผมสงสัยว่า "ฉันจะสามารถทำหลายๆสิ่งได้มั้ย" แต่ตอนนี้ผมอยู่ในที่ๆผมรู้สึกมีอิสระที่จะทำสิ่งเหล่านั้นได้ ดังนั้นมันเลยหมายความว่า ผมสามารถทำมันได้ ผมก็ยังคิดอีกนะว่าอยากจะทำอะไรมากกว่านี้ ผมไม่อยากให้คนทั่วไปคิดอย่างง่ายๆว่า "ผู้ชายคนนี้ทำอะไรไม่คิด" คุณเข้าใจใช่มั้ย (หัวเราะ)


ถ้าให้ผมพูดในความคิดเห็นของผมนะ เมื่อผมได้ยินผลงานเพลงโซโล่ของคุณในครั้งแรก ผมมีความรู้สึกงุนงง แต่ในตอนท้ายผมคิดว่ามันเป็นการเปิดหน้าต่างบานใหม่และมีอากาศดีๆถ่ายเทเข้ามา
Kyo : งั้นเหรอ? ผมไม่แน่ใจหรอก ผมอาจจะแค่กระตุ้นบางสิ่ง แต่มันก็เป็นอิสระของคนทุกคนนะ


ดังนั้นพวกคุณทั้งห้าก็ยังเชื่อมโยงถึง DIR EN GREY ? ในวิธีการที่คุณเองก็ไม่รู้เกี่ยวกับมัน แต่ในตอนนี้มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณ คุณคิดว่าไงล่ะ?
Kyo : แน่นอนล่ะว่าวงเป็นสิ่งที่สำคัญมากกับผมในตอนนี้ แต่ก่อนที่จะกลายมาเป็นวงดนตรีพวกเราก็เป็นเพียงแค่มนุษย์โดดเดี่ยว ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือว่าผิดในสิ่งนั้น ผมคิดว่ามันคงจะดีถ้าพวกเราคิดเกี่ยวกับชีวิตของพวกเราให้มากกว่านี้และหนทางในการใช้ชีวิต


คุณหมายความว่าหนึ่งในห้าของพวกคุณ หมกมุ่นกับวงมากจนเกินไปงั้นเหรอ?
Kyo : ใช่ คุณรู้มั้ย แต่ก่อน เมื่อวง Killswitch Engage มาที่ประเทศญี่ปุ่น คนแต่งเพลงหลักของวงที่
เป็นมือกีต้าร์ชื่ออดัม ดูเหมือนว่าเค้าจะไม่สามารถมาที่ประเทศญี่ปุ่นได้เพราะว่าป่วยหรือว่าได้รับบาดเจ็บนี่ล่ะ ในเวลานั้นผมแปลกใจมากจริงๆ


ทำไมเหรอ?
Kyo : หนึ่งในสมาชิกของวงหายไป แต่ว่าการแสดงก็ยังคงมี นอกจากนั้นแล้วเขายังเป็นคนแต่งเพลงหลักของวง แต่ก่อนน่ะผมตกใจมากจริงๆนะ หลังจากนั้นแล้วผมก็ค้นพบว่าวงดนตรีในต่างประเทศค่อนข้างจะมีอิสระ อย่าง Chino วง Deftones เองก็ยังมีวงถึง 3 วงที่ต่างกันไป


เขาทำงานเดี่ยวและมีโปรเจ็คเล็กๆน้อยๆในเวลาเดียวกันอย่างงั้นเหรอ?
Kyo : ใช่แล้ว มันเหมือนกับ "นี่ก็ด้วย และนั่นก็ด้วย!" ยังไงก็แล้วแต่ ความคิดส่วนตัวของผมในการแสดงออกเรื่องของเสียงมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไรนะ (หัวเราะ)  พวกเราก็คิดกันว่าแฟนๆอาจจะเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า "โปรเจคอื่นๆมันก็เสียงเดียวกันนี่?" แต่สำหรับเขาแล้วก็อาจจะมีเหตุผลส่วนตัวในเรื่องนั้นก็ได้


ดังนั้นคุณจะบอกว่าคุณก็เริ่มที่จะมีสถานการณ์เดียวกัน (แบบเขา) คุณก็เลยเข้าใจเขาอย่างนั้นใช่มั้ย
Kyo : ครับ เขาทำอะไรอย่างตรงไปตรงมาในสิ่งที่เขาต้องการจะทำจริงๆ


คุณกับเขาเหมือนกับอยู่ในสภาพเดียวกันใช่มั้ย
Kyo : ผมคิดว่าอย่างงั้นนะ อะไรก็ตามที่อยากจะทำนอกเหนือจากวงไม่ว่าจะเป็นดนตรีหรือการวาดภาพ มันแตกต่างสำหรับทุกคน แต่จากนั้นแล้วผมมีความรู้สึกที่ดีขึ้นที่พวกเราจะสามารถมีอิสระได้มากกว่านี้ มันเป็นหนทางในการมีชีวิตอยู่ของพวกเรานะ


ใช่ คุณได้พูดไว้ก่อนหน้านั้น แต่ก็ไม่มีข้อจำกัดสำหรับคุณใช่มั้ย ที่สมาชิกคนอื่นๆจะยังคงมีเงื่อนไขในสิ่งที่เรียกว่าวง
Kyo : แต่มันก็เหมือนกับพวกเรา ผมคิดว่าแฟนคลับเองก็มีการวางเงื่อนไขกับวง DIR EN GREY นะ แน่นอนล่ะว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี ผมค่อนข้างรู้สึกของคุณสำหรับสิ่งๆนั้นนะ แต่ว่าผมมีเงื่อนไขเพียงพอแล้ว การรวมสิ่งใหม่ๆ ที่ผมเองก็ยังไม่เคยเห็น ผมอยากให้มันมีการเปลี่ยนแปลง


ผมเข้าใจนะ ผมคิดว่าในตอนจบความปรารถนาจะถูกส่งไปเป็นเหมือนกับ Single ใช่มั้ยล่ะ
Kyo : ผมไม่สามารถจะพูดอย่างนั้นได้หรอก แต่มันกลายเป็นเหมือนโครงสร้างของเพลง พวกเรายังไม่ได้แสดงไลฟ์ ดังนั้นผมไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นยังไง ผมไม่ได้พูดอะไรเลยจริงๆในเรื่องนี้กับสมาชิกคนอื่นๆ ดังนั้นคือผมไม่รู้


ยังไงก็แล้วแต่ เมื่อนิตยสารฉบับนี้ออกวางขาย ก็คงมีการประกาศบอกเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเริ่มคุยเกี่ยวกับวงใหม่ที่คุณเริ่มต้นกันเถอะ
Kyo : อ่าา คือมันเป็นวงที่มีความแตกต่างกันมากเลยทีเดียวนะ (หัวเราะ)



ไม่หรอก ขอร้องล่ะช่วยบอกพวกเราสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ที (หัวเราะ)
Kyo : แต่นี่เป็นบทสัมภาษณ์ที่เกี่ยวกับ DIR EN GREY ดังนั้นผมไม่อยากพูดถึงหรอก


แต่ทุกอย่างมันก็ชัดเจนในปี 2014 ที่คุณทำงานกับวงสองวงในเวลาเดียวกัน คุณแบ่งการทำงานในหัวของคุณยังไงกัน?
Kyo : แต่ผมก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นสองสิ่งที่แยกกันนะ ผมไม่ได้คิดว่านี่เป็น DIR EN GREY นี่ไม่ใช่ DIR EN GREY มันเหมือนกับสองอย่างนี้เป็นสถานที่สำหรับผม ที่ผมจะสามารถแสดงตัวตนได้


คุณต้องการที่จะมีอิสระกับการทำสิ่งเหล่านี้?
Kyo : ใช่ครับ


แล้วตอนนี้มันเป็นยังไงแล้วบ้างล่ะ?
Kyo : ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก การทำงาน การตัดสินใจ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจริงๆ


เกี่ยวกับการทำโปรเจ็คเดี่ยวเหรอ?
Kyo : คุณพูดว่าโปรเจ็คเดี่ยว แต่มันคือวงครับ


คุณรู้สึกเหมือนกับว่าคุณได้เรียนรู้ในสิ่งใหม่เกี่ยวกับวง ?
Kyo : ความรู้สึกมันเหมือน "อ่า ใช่อย่างนั้นล่ะ" ผมได้ทำงานร่วมกับผู้คนที่มีความแตกต่าง ความรู้สึกมันเหมือนกับ "มันเป็นอย่างนี้สินะ"


เป็นการแสดงออกที่ชัดเจนเลยสินะ (หัวเราะ)
Kyo : ผมไม่เคยแม้แต่จะมีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์นะ ผมได้เป็นส่วนหนึ่งของ DIR EN GREY มานานมากจนถึงตอนนี้ แต่ก่อนหน้านั้น ผมอยู่ในวงเล็กๆหลายวง มันทำให้ผมนึกถึงในช่วงเวลานั้นว่า "ถ้าคนในวงมีความต่างกัน สิ่งต่างๆมันก็จะสำเร็จในวิธีที่ต่างกันด้วย"



ดังนั้นบางสิ่งคือสิ่งใหม่ และบางสิ่งมันคือความอาลัยอาวรณ์
Kyo : ใช่แล้วครับ


และนั่นมันยังเป็นความจริงที่ว่าคุณก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของ DIR EN GREY มาอย่างเนิ่นนาน
Kyo : แน่นอนครับ และผมจะดำเนินมันต่อไปให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ผมเองก็ไม่เคยมีโอกาสได้ร้องเพลงในวงที่มีความแตกต่างกันมาก่อน อ่าา จริงๆแล้วครั้งหนึ่งผมเคยถูกเชิญให้ไปร่วมการแสดงในต่างประเทศ (ที่ Kyo ได้ไปร้องเพลงกับวง Apocalyptica ที่เคยได้โพสไว้แล้ว) แต่ว่าในเวลานั้นผมก็มีความคิดเดียวกันที่ว่า "โอ้ มันเป็นอย่างนั้นล่ะ" มันไม่ใช่รูปแบบของวง ผมแค่ร้องเพลงเหมือนกับช่วยนักร้อง ควบคู่ไปกับ Cello


ถ้าพวกเราคิดเกี่ยวกันเรื่องนั้น มันก็เหมือนกับว่าคุณไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นบ่อยๆใช่มั้ยล่ะ?
Kyo : ครับ


ปีที่แล้วผมได้ยินบ่อยเลยนะจากคุณ เหมือนกับว่าคุณต้องการจะมีอิสระมากกว่านี้ คุณไม่ต้องการจะถูกจำกัดเสรีภาพ แต่ในความเป็นจริงจนถึงตอนนี้มันไม่ได้เป็นไปอย่างชัดเจนอย่างนั้นเลย
Kyo : แล้วมันไม่ใช่เหรอ?


มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ว่าคุณต้องการจะจับสิ่งเหล่านั้นไว้ด้วยกันให้แน่นๆเหรอ แต่ผมคิดว่าวงควรจะรวมกันให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวระหว่างสมาชิก โดยเฉพาะในระหว่างที่กิจกรรมของวงได้หยุดชะงักไป หลังจากที่ได้ยินจาก Single ใหม่กับสิ่งที่คุณพูดในวันนี้ ผมคิดว่ามันไม่ใช่เลยนะ
Kyo : ผมไม่สนหรอกนะว่าคุณจะมีวิธีการคิดยังไง ผมมีอิสระที่จะทำในสิ่งต่างๆ แน่นอนว่า DIR EN GREY คือความจริงที่เป็นสิ่งที่สำคัญกับผมมากๆไม่เปลี่ยนแปลง ผมจะทำสิ่งเหล่านั้นในแนวทางเดิมของผมก่อนหน้านั้น


งั้นเหรอ แล้วอะไรคือความจำเป็นสำหรับคุณในการทำในแนวทางเดิมก่อนหน้านั้น
Kyo : อืม ผมจะเปรียบเทียบยังไงดี? ยกตัวอย่างนะ ถ้ามีรูเล็กๆปรากฏในส่วนฐานของถ้วยแก้ว น้ำมันก็จะค่อยๆไหลออกไป ถ้วยนั้นทำหน้าที่แทนความสามารถของร่างกายและจิตใจของวง และน้ำในถ้วยก็เป็นเหมือนกับสิ่งที่ผมต้องการจะทำ เป็นสิ่งที่ติดอยู่ข้างในตัวผม จนถึงเดี๋ยวนี้ขนาดของถ้วยมันพอดีกับจำนวนของน้ำในถ้วยแก้ว


เมื่อก่อนหน้านั้น น้ำมันไม่ได้ไหลออกไปไหนจากถ้วยแก้วเลย
Kyo : ใช่แล้วครับ ถ้าผมอยู่ในถ้วยแก้วที่เรียกว่า DIR EN GREY แม้ว่าจะมีหลายสิ่งที่ผมต้องการจะทำ ผมก็รู้สึกเหมือนกับเป็นน้ำที่ไหลออกมาจากรูของถ้วยแก้วนั้น ในทางกลับกันขนาดถ้วยและน้ำมันเท่ากัน แต่เมื่อเร็วๆนี้น้ำมันมีมากกว่าเมื่อก่อนที่เคยมี ผมก็เลยรู้สึกเหมือนว่ามันกำลังทะลักออกมา นั่นทำไมผมถึงได้ต้องการจะถ่ายเทน้ำนั้นก่อนที่จะทะลักไปใส่อีกถ้วยๆหนึ่ง ผมก็แค่ต้องการอธิบาย ถ้าผมเก็บมันไว้เฉยๆมันก็คง...


น้ำมันก็จะทะลักออกมาจากถ้วย
Kyo : มันอาจจะเป็นการเก็บเพื่อเทออกจากถ้วยก็ได้ ผมคิดว่าวันหนึ่งความสัมพันธ์ระหว่างน้ำกับถ้วยอาจจะเปลี่ยน


ผมเข้าใจ ดังนั้นเมื่อพวกเราปิดบังมินิอัลบั้มล่าสุดของคุณ ในพวกคุณทั้งห้าก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน แต่โดยทั่วไปแล้วการพูดคุยของคุณกับวงมันไม่เป็นความสัมพันธ์ที่แย่เหรอ?
Kyo : พวกเรา?


ยังไงก็แล้วแต่คุณก็ยังเดินหน้าทำวงต่อ มันเหมือนกับว่าทุกคนเองก็เปิดเผยความตั้งใจให้เห็นที่จะทำวงต่อ ดังนั้นในท้ายที่สุดมันก็จะเป็นการเดินหน้า ที่เหมือนกับเมื่อครั้งก่อนหน้านั้น
Kyo : สำหรับผมแล้ว ผมรักที่ได้อยู่ในวงนี้ ผมต้องการที่จะอยู่ในวง ถึงผมไม่สามารถจะเล่นเครื่องดนตรีอะไรได้เลย พูดอย่างง่ายๆเลยก็คือ โดยลำพังตัวผมแล้วไม่ได้มีดีอะไรเลย แต่ถึงแม้ว่าผมจะสามารถเล่นดนตรีได้ ผมก็ขอเลือกที่จะอยู่ในวงอยู่ดี


เมื่อตอนที่คุณยังอายุน้อยตอนที่เริ่มทำวง ครั้งแรกเลยที่คุณได้เข้าไปประจำตำแหน่งจริงๆในวง
Kyo : มันเป็นความจริง ที่เหมือนกับว่าจากส่วนหนึ่งตอนนั้นแล้วมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นั่นเพราะอะไร ผมถึงได้เป็นส่วนหนึ่งของ DIR EN GREY ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ผมคิดว่าสมาชิกทุกคนเองก็คงมีความรู้สึกไม่ต่างกัน


ครับ
Kyo : ถ้ามันเป็นอย่างนั้น ถึงแม้ว่าคุณจะอดทนกับบางสิ่ง หรือแม้แต่การที่คุณป่วย คุณก็ไม่ต้องการที่จะทำมันต่อเลยอย่างนั้นเหรอ? แน่นอนล่ะมันไม่เหมือนกับว่าคุณจะสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างมีอิสระ แต่เพราะว่ามันคือวงดนตรี และถึงแม้ว่าจะมีใครบางคนอยากจะทำในสิ่งๆหนึ่ง สมาชิกที่เหลือก็จะอดทนทำสิ่งๆนั้นด้วย


นี่เป็นสิ่งที่เกี่ยวกับวงใช่มั้ย
Kyo : ผมเข้าใจอย่างนั้นนะ ผมคิดว่าวงดนตรีจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และมันเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับผมมาก ที่ผมต้องการจะเดินหน้า DIR EN GREY ต่อไป


******
แปลเสร็จแล้ว ดองมานาน (ปาดเหงื่อ) พยายามจะเคลื่อนไหวบล็อกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้เหลือน้องสาวผู้ใจดีน้องชิน กับ Kana ซังช่วยเท่านั้น ถ้าใครต้องการจะช่วยเราทำบล็อก แปลบล็อก A-Knot ก็ตามหาเราในเฟสได้ (Pichada Namwong) หรือส่งข้อความเข้าไปในแฟนเพจ เราจะติดต่อกลับไปให้เร็วที่สุด ^^ ไว้เจอกันใหม่จ้า 



Share this article :

+ comments + 2 comments

12 พฤษภาคม 2557 เวลา 03:32

ขอบคุณมากๆ ค่า

ชอบบทสัมภาษณ์นี้มากๆๆๆๆๆ
นอกจากได้ติดตามความเป็นไปของเคียวซังแล้ว
บทความนี้ยังให้ข้อคิดใหม่ๆ เราด้วยค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

14 พฤษภาคม 2557 เวลา 23:23

ชอบมากครับบทสนทนาที่ดีมากเลยครับ :)

แสดงความคิดเห็น

Popular Posts

 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2011. DIR EN GREY THAILAND FAN CLUB - All Rights Reserved
Template Modify by Creating Website
Proudly powered by Blogger