post:

Home » , » KYO - OVERSEAS DOCUMENTARY GREED II (END)

KYO - OVERSEAS DOCUMENTARY GREED II (END)




Interview: แม้ว่าจะมีหลายวิธีในการแสดงออก แต่คุณสร้างและผลักดันสิ่งเหล่านั้นออกมาโดยธรรมชาติ แล้วสิ่งนั้นมันผิดปกติไปมากหรือว่าน้อย?
Kyo: สิ่งที่ผมทำ ผมทำมันในฐานะงาน ตั้งแต่นั้นมาแน่นอนว่ามันมีหลักเกณฑ์ชัดเจนที่จะปฏิบัติตามใช่มั้ยล่ะ? ผมเข้าใจอย่างนั้น แต่ถ้ามากไปกว่านั้นผมเกลียดมันนะ


Interview:สำหรับคนที่ต้องการจะแสดงตัวตนของเขาออกมามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ที่จะปฏิบัติตามกฏอย่างนั้นใช่มั้ย?

Kyo: สำหรับคนที่มีความต้องการอยากที่จะแสดงออก แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าชอบอะไรและไม่สามารถหารายได้จากงานนั้นได้ คนเหล่านั้นก็เหมือนกับศิลปินอย่างนั้นเหรอ? ผมเคยคิดว่ามีหลายสิ่งที่แตกต่างกัน แต่มาตอนนี้ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกันด้วย ผมคิดว่าคนที่มีการจัดการกับตัวเองมากเกินไปโดยคิดถึงจิตใจคนอื่น คำถามคือมีอะไรเกิดขึ้นกับผู้คนที่ชื่นชมผลงานศิลปะ หรือว่าไม่มีทั้งสองอย่างเลย (การวิพาษณ์วิจารณ์ในผลงาน) 


Interview: ใช่ มีเกิดขึ้นบ่อยกับงานที่มีราคาค่อนข้างสูง การขายผลงานศิลปะก็ยังมีผู้คนที่สับสนกับมูลค่าที่แท้จริงของผลงานนั้น ตั้งแต่องค์ประกอบสำคัญที่มีคุณค่าของชิ้นงาน ซึ่งไม่สามารถจะวัดมูลค่าได้เลย

Kyo: ผมคิดว่ามันมีหลายหนทางนะ ยกตัวอย่างว่าผมวาดภาพๆหนึ่งและใช้เวลาในการวาดไป 10 วันถึงเสร็จ  ผมตั้งราคาในแต่ละวันว่าเป็น 10,000 เยน สิบวันก็จะเป็น 100,000 เยน ผมจะขายรูปได้ในราคานั้นเหรอ ผมก็ไม่รู้ ถ้าผมโชคดีผมอาจจะขายมันได้มากกว่านั้น หรือผมอาจจะขายมันในราคาที่น้อยกว่านั้น แต่ถ้าเป็นช่วงที่มีความคิดสับสน ก็ไม่สามารถจะจดจ่อกับการวาดภาพได้ใช่มั้ยล่ะ? ผมวาดภาพเพราะว่าผมอยากจะวาด อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆนี้ผมมีความคิดและคำถามเกี่ยวกับ การมีชีวิตอยู่ มันสร้างสิ่งที่กลืนกินระหว่างความเป็นจริงและรูปภาพ ดังนั้นผมสงสัยว่าสิ่งที่จำเป็นในการแสดงออกและการกระทำมันเป็นยังไง นั่นเป็นเหตุผลจริงๆที่ว่า ทำไมผมต้องการแยกตัวเองไปอยู่ในภูเขาสักประมาณ 5 ปี คุณรู้ใช่มั้ย (หัวเราะ) เช่นเดียวกับพลังงานที่ออกมาจากสิ่งนั้น บางอย่างมันเหมือนกับการร้องเพลงที่ไม่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้า ผมไม่ได้สนใจว่าจะมีอะไรเข้ามาหรือไม่มี แต่ก็ยังคงมีคนที่อยากอยู่ใช่มั้ย มันก็เหมือนกับคุณค่าที่ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละน้อย


Interview: ถึงแม้ผมจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีของเวลาและเงิน แต่คุณพยายามที่จะบอกว่าคุณไม่ได้ให้มูลค่าหรือคุณค่ากับสิ่งเหล่านั้นเลยเหรอ  

Kyo: ตั้งแต่นั้นมาผมไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องของเงินนะ พอมาตอนนี้ผมแทบจะไม่สนเกี่ยวกับเรื่องเงินเลย แต่ว่าผมยังต้องการที่จะทำบางสิ่งอยู่ และเงินมันยังเป็นสิ่งจำเป็นในการที่ผมจะซื้ออุปกรณ์และเครื่องใช้ต่างๆ ถ้าผมได้รับเงินที่เพียงพอในการซื้อสิ่งเหล่านั้น มันก็ไม่เป็นไรสำหรับผมที่จะใช้เงินในชีวิตให้น้อยที่สุด ผมจะสามารถบรรจุสิ่งที่ผมอยากทำทั้งหมดได้เท่าไรกัน? เมื่อผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ผมคิดว่าผมคงอยากจะอยู่ในวัดโทจิตลอดไปล่ะ (หัวเราะ) 


Interview: มันเหมือนกับว่าเวลาที่คุณพูดว่า แม้ว่าฉันจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกแล้วก็ไม่เป็นไร 

Kyo: ใช่ครับ มันอาจจะเป็นเรื่องจริง แต่ผมทนอากาศหนาวไม่ได้ ดังนั้นผมคงจะสวมเสื้อผ้าอุ่นๆ  


Interview: ตอนนี้คุณเริ่มดื้อนิดหน่อยนะ (หัวเราะ) บนภูเขามันหนาวอยู่แล้ว

Kyo: ยังไงก็ตามแต่ ผมคิดว่ามันดีนะกับพระที่บวชอยู่ในวัด คุณรู้มั้ย หมอบอกผมว่าให้เข้านอนให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้และมันจะทำให้ชีวิตของคุณกลับมาเป็นปกติ และมันดีสำหรับคอของผม แม้ว่าผมจะดูแลคอของผมให้ดีอย่างไร ผมแทบจะไม่สามารถดำเนินชีวิตแบบปกติได้เพราะว่าวงดนตรี ตัวอย่างเช่นว่า ผมอยากจะร้องเพลงมากที่สุดเท่าที่ผมอยากจะร้อง นาฬิกาตี บอกเวลาว่า ตี 4 หรือตี 5  ก่อนที่ผมจะรู้ว่าพระเองก็ไม่ได้มีชีวิตที่ปกติมากนัก เขามีเวลามากมายในการเผชิญหน้ากับความคิดของตัวเขาเอง นี่คือบางสิ่งที่ผมคิดว่าทำให้ตัวเองแกร่ง มองเห็นตัวเองที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปวันแล้ววันเล่า มันยังเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับผมอยู่ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ลำบากก็ตามที 


Interview: เพราะว่าทั้งหมดนั้นมันเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติตัวของพระ มีคนที่คิดว่าการบำเพ็ญตนของพวกเขานั้นเป็นเหมือนกับภารกิจที่ได้รับ ในทางโลกของพระพุทธศาสนา เป็นการแสดงออกถึง การบรรลุ รู้แจ้งเกี่ยวกับจิตใจ (การตรัสรู้) คุณปรารถนาที่จะบรรลุอาจเป็นอย่างนั้นใช่มั้ย? 

Kyo: ตั้งแต่นั้นที่ผมพูดว่า ในช่วงระหว่างการมีชีวิตผมอยากจะไปให้ถึงในจุดของการมองเห็นโลก มันเป็นการรับรู้ของคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลยเพียงแค่ยืนอยู่บนเวทีมันเหมือนกับความปรารถนาที่แผ่กว้างออกไปยังสถานที่ต่างๆ บางทีตอนนี้ผมอาจจะอยู่ในสถานที่ต่างออกไปแล้วก็ได้







Interview: คุณหมายความว่า คุณต้องการที่จะมองเห็นในจุดที่คุณเท่านั้นสามารถมองเห็นได้ แต่ก็ยังคงเป็นสภาพที่มีความแตกต่างกันด้วยใช่มั้ย?

Kyo :  ใช่ ถูกต้องแล้วครับ เมื่อผมยังเป็นวัยรุ่น ผมให้ชื่อกับตัวผมเองว่า Kyo และถึงแม้ผมจะไม่ได้หมายความในแรกเริ่มว่าเป็น Kyoto แต่ผมคิดว่ามันคงดีถ้าจะมีใครสักคนที่ชื่อนี้ในการทำผลงานเพลง แน่นอนว่าผมในตอนนี้ไม่ได้มีความคิดอะไรแบบนั้นอีกแล้ว ผมไม่ได้สนใจกับเรื่องนั้น ผมกลายเป็นคนที่ไม่สนใจกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากนั้นคุณจะสามารถเผชิญหน้ากับสิ่งที่คุณสามารถยอมรับได้ สิ่งเหล่านี้มันเป็นเหมือนสิ่งที่ผมอยากจะเข้าถึงให้ลึกขึ้น


Interview: ตัวคันจิ คำว่า Kyo ใน Kyoto ชื่อนี้ยังบอกถึงความหมายว่า เป็นศูนย์กลาง (คงหมายถึงเมืองที่เป็นศูนย์กลางของประเทศ) แต่ผลลัพธ์มันเป็นเมืองที่คุณอยู่ในปัจจุบัน ที่คุณเผชิญหน้ากับศูนย์กลางของคุณมากขึ้น ที่เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของคุณ

Kyo : คุณรู้มั้ยว่าผมมีความสุขแค่ไหนที่ผมสังเกตเห็นสถานที่นั้นด้วยตัวผมเอง ตั้งแต่นั้นมาผมสงสัยว่าผมจะสามารถตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องออกไปยังต่างประเทศที่ผมไม่ชอบได้มั้ย แต่ผมก็มีความรู้สึกขอบคุณที่ส่งไปถึงพวกเขา (แฟนๆต่างชาติ) คุณเห็นใช่มั้ย



จากหลายๆกรณีในการทัวร์ยังต่างประเทศได้กลายมาเป็นจุดเปลี่ยนทั้งในทางที่ดีและไม่ดี สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับ DIR EN GREY และถ้ามองย้อนกลับไป มีหลายๆวงดนตรีที่จัดการกับชีวิตของพวกเขาในทุกๆวันกับการทัวร์ไปรอบโลก และยังมีกฏปฏิบัติในการไปต่างประเทศที่ได้รับการยืนยันจากสมาชิกภายในวงที่ไปต่างประเทศว่า Kyo ไม่มีความสนใจใดๆเลยในเรื่อง การก้าวหน้าไปต่างประเทศ แน่นอนว่ามันสามารถที่จะเข้าใจได้หลังจากที่ได้พยายามออกไปแล้ว แต่กับเหตุการณ์เหล่านี้ Kyo ค่อนข้างจะพูดพียงแต่เรื่องในเชิงลบเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าใครที่ได้มองเห็นอย่างใกล้ชิด กับเรื่องที่ปรากฏเป็นปัญหา จะสามารถเข้าใจได้ สิ่งนี้มันสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้สร้างศิลปิน นอกจากนี้แล้วอาจจะพูดได้ว่า DIR EN GREY ได้ตั้งตัวและแยกตัวเองออกมาจากวงดนตรีวงอื่นๆ ซึ่งก็มองได้อีกว่าเป็นข้อจำกัดที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และพวกเขาต้องการจะแสดงความรู้สึกที่บริสุทธิ์ออกมาให้ได้เห็นกัน




Interview: ช่วยเริ่มหน่อยว่า ทำไมคุณถึงไม่ชอบไปต่างประเทศ ?

Kyo : ผมไม่มีความสนใจในวัฒนธรรมต่างชาติ หรือวัฒนธรรมตะวันตก เช่นเดียวกันคือผมไม่ได้สนใจกับประวัติศาสตร์หรือผู้คนอะไรเลย สิ่งที่ผมสนใจมีเพียงวงดนตรี แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกถึงแรงกระตุ้นเมื่อพบกับพวกเขา จริงๆแล้วการร่วมมือทำงานบางอย่างกับพวกเขา คุณจะเห็นวิธีการปกติอย่างการกินที่ไม่เข้ากับผมเลย ลักษณะของผู้คนก็เช่นเดียวกัน มันแย่นะถ้าจะให้พูดตรงๆแบบขวานผ่าซาก แต่จริงๆแล้วก็ยังมีผู้คนที่ดีอยู่มากมาย ไม่ใช่มีแต่คนญี่ปุ่นที่รักษาคำพูด ยังมีชาวต่างประเทศที่เป็นอย่างนั้นเยอะเหมือนกันที่คิดว่าเขาเป็นศูนย์กลางของจักรวาล หรือคิดว่า ฉันเยี่ยมที่สุด ผมทนกับคนแบบนั้นไม่ได้ ผมเป็นคนเดียวในวงที่พูดว่าไม่ชอบการไปต่างประเทศ ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่ดึงดูดความสนใจพวกเขาทุกคนยกเว้นผม เมื่อพวกเราได้รับข้อเสนอให้ไปเล่นที่ต่างประเทศ พวกเราจะพูดคุยกันถึงปัญหา แต่ในท้ายที่สุดผมสูญเสียความกระตือรือร้นของสมาชิกคนอื่นๆ และตัวแทนจากต่างประเทศ มันเหมือนกับ ถ้าคุณยืนยัน ผมจะทำ (อดทนอีกนิดและไปต่างประเทศ) คุณรู้ใช่มั้ยว่าผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องบวกสำหรับ DIR EN GREY ถ้าพวกเราทำทัวร์ไปกับวงอื่นๆ แต่มันเป็นเรื่องขัดแย้งในตัวผม มันง่ายที่จะพูดออกไปว่า "NO!" 
ผมมักจะถูกถามบ่อยๆว่าได้รับอะไรจากการไปต่างประเทศ สำหรับผมที่นั่นไม่มีอะไรเลย มันอาจจะมีบางสิ่งบางอย่าง แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย ในต่างประเทศพวกเราจะมักจะมีการแสดงในหนึ่งสัปดาห์ แต่เกี่ยวกับโครงสร้างของลำคอ คนญี่ปุ่นกับชาวต่างชาติมีความแตกต่างกัน เส้นเสียงของชาวต่างชาติจะมีความใหญ่กว่า หรือแม้ว่าอาจจะมีขนาดเล็กมันก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขากังวล ถ้าให้พูดตรงๆนั่นก็อาจจะเป็นข้อที่ผมและวงเสียเปรียบถ้าพวกเราไปทัวร์กับพวกเขา แต่ผมก็ไม่ได้ต้องการจะบ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตั้งแต่นั้นมาในท้ายที่สุดการแสดงจำนวนมาก มันเป็นภาระอันหนักอึ้งของคอผม มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าผมยังต้องดูแลคอของผม นั่นอาจจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ผมไม่ชอบ


Interview: คุณมีความขัดแย้งในตัวคุณเอง แต่กับสมาชิกคนอื่นๆคุณรู้สึกถึงความรับผิดชอบ มันเลยเหมือนกับไม่มีทางเลือกที่ดีๆเลยสักทาง

Kyo : ครับ ถ้าในกรณีนั้นผมอยากจะไปอเมริกา ผมอยากจะประสบความสำเร็จที่นั่น ผมไม่อยากจะพูดมันว่าก็มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ตั้งแต่นั้นมาที่นั่นก็ไม่ได้มีข้อมูลสำคัญอะไรกับผม (ต่างประเทศ) มีช่วงเวลาที่ผมสงสัยว่า ที่นี่มันอะไรกันเนี่ย?


Interview: คุณคงหมายถึงว่า ฉันจะทำอะไรได้บ้าง?

Kyo : ครับ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่ามันไม่สนุกเอาซะเลย ผมยังอยู่ในความคิดที่ไร้จุดหมายด้วยเป็นเวลาหลายชั่วโมง นี่มันนรกชัดๆ ผมไม่อยากจะออกไปช็อปปิ้ง และไม่เคยออกไปข้างนอกเลย ในระหว่างทัวร์ก่อนปลายปี 2011 ผมเป็นคนเดียวที่อยู่ในรถบัสที่ใช้ทัวร์ราวๆ 2 ช.ม นอกเหนือจากการใช้ชีวิตในนั้น ผมก็นอนอยู่บนเตียง มองเพดาน (หัวเราะ) ตั้งแต่นั้นมามันเจ็บปวดมากเลย ผมเลยซื้อกล้องถ่ายรูป และหวังว่ามันจะช่วยหันเหความสนใจของผมได้ ผมเอามันไปกับผมด้วย คุณจะเห็นได้ว่ามีหลายสิ่งที่ออกมาในเวลาที่ไม่ได้คาดคิดไว้ ผมคิดว่าในท้ายที่สุดแล้ว การไปต่างประเทศมันก็เป็นสิ่งที่ดีนะ มันเอาเวลาผมไปนานเหมือนกัน เป็นเวลานานจริงๆ


Interview: ผมเข้าใจในประเด็นของคุณและคุณมีประสบการณ์ในการแสดงออกต่อสาธารณชนในต่างประเทศที่มีเชิงลบมากกว่าเชิงบวก แต่ว่าการแสดงในประเทศญี่ปุ่นมันกลายเป็นมีพลังมากกว่าใช่มั้ย?

Kyo : นั่นทำไมผมถึงได้คิดว่ามันดีกว่าถ้าทุกคนจะมาที่ญี่ปุ่นเพื่อเจอกับพวกเรา คุณรู้มั้ยเมื่อพวกเราตัดสินใจที่จะไปทัวร์ต่างประเทศ พวกเราต่างพากันสงสัยว่ามันจะเป็นยังไงและพวกเราเองก็เหนื่อยกันมาก แต่เมื่อไปทัวร์ต่างประเทศครั้งแล้วครั้งเล่า ผมมาคิดได้ว่ามันไม่มีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นเลย พวกเรายังไปปรากฏตัวในงานเทศกาลดนตรีใหญ่ๆ และถึงแม้ว่ามันจะสนุก ผมก็สงสัยว่าผมทำสิ่งนี้เพื่ออะไร ผมคิดว่าความรู้สึกบางอย่างมันกลับมา แต่มันเป็นความรู้สึกที่ผมลืมมันไปไวมาก ที่นั่นมันเกือบจะไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ในความทรงจำส่วนลึกของผมเลย


Interview: แต่ไลฟ์ในญี่ปุ่นจะมีหลงเหลือไว้ในความประทับใจของคุณ?

Kyo : อืม ไลฟ์ที่ทำให้หูของผมได้รับความเสียหายในไลฟ์เฮาส์เล็กๆ จริงๆแล้วไลฟ์เหล่านั้นก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของผมนะ ไลฟ์ที่มีปัญหาต่างๆเกิดขึ้น ไลฟ์ที่ผมคิดว่ามันเยี่ยมก็คงเป็นทัวร์สุดท้ายของ UROBOROS ปี 2008 ผมคิดว่าคงเป็นที่ Budokan


Interview: ถ้าพูดถึงปัญหาแล้ว ผมรู้สึกว่าจะมีปัญหาส่วนใหญ่เกิดในต่างประเทศ

Kyo : ส่วนใหญ่ก็จะเป็นปัญหา มันเป็นเรื่องปกติ


Interview: มีความสับสนหรือสถานการณ์อะไรเกิดขึ้นที่ทำให้คุณตกอยู่ในความยากลำบากบ้าง

Kyo : วันแล้ววันเล่าที่มีความสับสนวุ่นวาย มีเพียงเหตุการณ์ที่ผมคิดว่า "ฉันไม่อยากจะเชื่อ" ผมช็อกมากๆแล้วมันทำให้ผมหัวเราะ มีวันหนึ่งในระหว่างทัวร์ Toshiya ไปโรงแรมเพื่อที่จะอาบน้ำ และตอนนั้นพวกเราก็รอรถที่จะมารับ มีชาวต่างชาติเข้ามาในห้องพวกเราแล้วเขาพูดบางอย่างเหมือนกับว่า "นี่มันห้องฉัน" ในตอนท้ายถึงได้รู้ว่าเป็นความผิดพลาดของโรงแรม แต่ผมก็ไม่เคยได้จินตนาการเลยว่าจะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น ใช่มั้ยล่ะ? มีชายที่เมาแล้วเข้ามาถึงแม้ว่าเขาจะออกไปแล้วและพูดว่า "ขอโทษ" ผมจะทำยังไงดีถ้าผมอยู่คนเดียวในห้องแบบนั้นโดยที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ และคนที่เข้ามาก็ตัวใหญ่มากถ้าเขาเข้ามาตีผมล่ะ เพราะเขาเมาด้วย (หัวเราะ) คุณจะเห็นว่ามีแค่เหตุการณ์นั้นที่หลงเหลืออยู่ในความประทับใจลึกๆของผม การมีชีวิตอยู่ด้วยตัวของพวกเขาเองมันเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้ถูกเผาไหม้ไปหมดในความทรงจำของผมหรอกนะ  (Toshiya เอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าในรายการวิทยุด้วย ^^) 


Interview: ถ้าเป็นไปอย่างที่คุณพูด คือคุณไม่สามารถจะวางใจอะไรได้เลยใช่มั้ย?

Kyo : ไม่ครับ พูดตามตรงแล้วคือไม่เลย ผมพยายามกับการจะรักษารูปร่างของผมให้ดี และผมแทบจะไม่ออกจากโรงแรมเลยในระหว่างที่ทัวร์ญี่ปุ่น แม้ว่าการ
ทัวร์กับสิ่งที่ผมทำในระหว่างนั้นจะไม่มีอะไรเปลี่ยน เมื่อไปยังต่างประเทศ ผมก็คิดว่าการทัวร์ในญี่ปุ่นดีที่สุดแล้ว น้ำร้อนที่ออกมาจากฝักบัวอย่างเหมาะสม การรักษาความปลอดภัยก็ดีด้วย และอาหารอร่อย และคุณรู้มั้ย staff ที่ต่างประเทศน่าหัวเราะมาก แม้พวกเราจะร้องขอว่า ช่วยเพิ่มเสียงของกีต้าร์ให้หน่อย เสียงเบสขึ้นสูงอีก ทันใดนั้นซาวด์เอนจิเนียร์ ก็ตะโกนกลับมาว่า "ผมไม่รู้!" แล้วเหวี่ยงแขนทั้งสองขึ้นบนอากาศ เหมือนกับที่คุณจะเห็นในหนังได้บ่อยๆ และเราก็ออกไปข้างนอกกินแฮมเบอร์เกอร์กับเขา นั่นมันเกิดขึ้นในระหว่างการซ้อม (ยิ้มแหยๆ)






ถึงแม้ว่าจะทำไม่สำเร็จจากมุมมองของมืออาชีพ ความสนุกในการแสดงออกเป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนได้โดยทุกๆคน จากวัยเด็กสู่การเป็นผู้ใหญ่ Kyo บอกว่า "ความสนใจของผมมีเพิ่มมากขึ้น" และสิ่งหนึ่งที่เขาชื่นชอบก็คือการถ่ายภาพ แม้ในตอนนี้ก็ยังคงเป็นสิ่งที่เขาสนใจ เขายังทำสิ่งเหล่านี้ และคงความเป็นศิลปินตลอด 24 ช.ม ที่พิจารณาตัวเองและมีชีวิตอยู่ในแสงสว่างดวงใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ผมเป็นคนที่บ้ามากๆ" นั่นคือสิ่งที่ Kyo พูดถึงตัวเขาเอง ที่แห่งนี้ยังมีคำแนะนำอีกเล็กน้อยที่จะทำให้เราเข้าใจในโลกอีกมุมหนึ่งของเขาได้ดีขึ้น





Interview: คุณอยากจะไปเห็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของจีน (พระพุทธรูปเล่อซาน แกะสลักอยู่ที่หน้าผา) ที่คุณได้พูดไว้ ที่คุณเกือบจะไม่มีเวลาการท่องเที่ยวในระหว่างที่ทัวร์ มีสถานที่ไหนอีกมั้ย ที่คุณอยากจะไปโดยเฉพาะ?

Kyo : ถ้าผมมีเวลา ผมอยากจะไปที่ไหนสักแห่งเพื่อที่จะถ่ายรูป แต่สถานที่เหล่านั้นก็ไม่ได้เพื่อจุดประสงค์ที่พิเศษอะไร คุณรู้มั้ยว่าในระหว่างทัวร์ครั้งสุดท้ายผมจะถ่ายภาพที่เหมือนกับของเสียและท่อระบายน้ำ หรือจริงๆแล้วมันคือของเสียของท่อน้ำด้านหลังเวที อย่างสถานที่แบบนั้น ผมเพียงแค่ต้องการจะถ่ายรูปในสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกบางอย่าง ในเวลานั้นผมไปที่จังหวัด Chiba ถ่ายภาพของมหาสมุทร เศษไม้ที่ลอยไปตามน้ำ และสิ่งก่อสร้างที่ถูกทิ้งร้างไว้


Interview: ท้ายที่สุดแล้วคุณมีโอกาสได้ไป Chiba?
Kyo : ครับ มีคนที่รู้จักกับช่างภาพของพวกเราชวนผมไป พวกเราออกไปกันแต่เช้าด้วยรถของเขา และก่อนที่ผมจะรู้ตัว ผมก็มาถึงมหาสมุทรใน Chiba แล้ว (หัวเราะ) พวกเราถ่ายภาพกัน ในขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ในระหว่างที่ถ่ายภาพผมเองก็ยังอยากที่จะเรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับแต่งภาพ นั่นทำไมผมถึงได้กำลังเรียนเกี่ยวกับ Photoshop (โปรแกรม graphics editing) คุณจะเห็นได้ว่ามีหลายสิ่งที่ผมอยากจะทำ เพียงแต่ผมไม่มีเวลา



Interview: เฉพาะเรื่องการถ่ายภาพก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจแล้ว แต่การตกแต่งภาพอีกครั้งมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
Kyo : โดยพื้นฐานแล้ว ผมชอบภาพขาวดำ (monochrome) เมื่อมาถึงการถ่ายภาพ มันมีสีและเฉดสี คุณไม่สามารถจะถ่ายภาพได้ตามปกติ แต่ก็ยังต้องมีการตกแต่งแก้ไขในเรื่องของโทนสี ผมใช้เลนส์กล้องที่เก่าจริงๆ อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้ขอคำอธิบายแบบเต็มรูปแบบในวิธีการใช้มัน มีผลกระทบอีกหลายอย่างที่สามารถสร้างได้ด้วยการเปิดหน้ากล้องถ่ายรูป หรือการควบคุมปริมาณของแสง ฯลฯ แต่ผมก็ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย ผมอยากจะให้ผลลัพธ์มันออกมาดีแม้ว่าผมอาจจะดูเหมือนพวกงี่เง่าเมื่อผมมีส่วนร่วมกับการถ่ายภาพ ตั้งแต่นั้นมาผมถ่ายภาพโดยขึ้นอยู่กับความรู้สึกของผมเอง แต่ผมก็ยังอยากจะรู้อะไรเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับถ่ายภาพ ต่อมาผมอยากจะผลิตหน้ากาก ผมซื้อไม้และมีดแกะสลักมาแล้ว และเริ่มที่จะแกะสลักมันแล้วนิดหน่อย แม้ว่าจะทำหลุมแล้ว ผลลัพธ์มันก็แตกต่างไปขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้ ช่างแกะสลักเขาทำมันยังไงกันนะ? มันเป็นความคิดทุรนทุรายในใจของผม เพราะการที่ผมมีความรู้สึกแบบนั้น มันทำให้ผมก้าวข้ามไปสู่บางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ ยังไงก็ตามแต่การแกะสลักมันก็เป็นบางอย่างที่ออกมาจากตัวผม ดังนั้นมันก็เป็นเหมือนกับบทเพลง ผมคิดว่าไม่มีกฏเฉพาะในการที่จะทำสิ่งเหล่านี้ ผมคิดว่าถ้ามันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องศึกษา ผมจะทำ นั่นเป็นเรื่องที่ผมคิดเกี่ยวกับมันในตอนนี้


Interview: ดูเหมือนว่าจากจุดที่มองเห็นใหม่ๆมันเป็นสิ่งที่คุณอยากจะถ่ายภาพเพิ่มมากขึ้นด้วย และในท้ายที่สุดมันเป็นสถานที่ๆอยากจะไปอย่างแน่นอน ด้วยความรู้สึกที่ว่า ฉันทำได้เพียงแค่ถ่ายภาพในที่นี่เท่านั้น
Kyo : ใช่แล้วครับ ผมอยากจะไปที่ 秘宝館 ผมต้องการสัมผัสกับบรรยากาศที่ผิดปกติด้วยตัวของผมเอง ความทรงจำในวัยเด็กของผมเรื่องนี้เป็นเหมือนกับหมอก ( 秘宝館 อาจจะหมายถึงพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ที่พี่ Kyo อยากจะไป และเคยไปมาแล้วในวัยเด็ก แต่มันลางเลือน) (และอีกอย่างคือพี่ Kyo พูดเกี่ยวกับวัดที่เขาเคยไปเมื่อตอนเด็ก秘宝館 วัด Mii-dera  http://www.shiga-miidera.or.jp/) (^^; เดากันเอานะก็เดาไปได้สองทางน่ะ)


Interview: เป็นเหมือนกับการเต้น Butoh ที่เราพูดกันมาก่อนหน้านี้ ที่คุณให้ความสนใจอย่างมากใช่มั้ย?
Kyo : ตอนนี้ผมถามตัวเองว่า ถ้ามันไม่น่าสนใจ ผมจะสามารถใส่อะไรเพิ่มเติมเข้าไปในวงได้ ความสนใจที่ผมมี และของสมาชิกคนอื่นๆอาจจะมีความแตกต่างกันมาก แต่พวกเราก็สามารถใช้มันได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ยังไงก็ตามแค่ได้ยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีอย่างปกติ ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ใครจะไปรู้บางทีผมอาจจะเป็นคนที่บ้ามากๆก็ได้นะ



Interview: ตอนนี้ผมคิดว่าคุณมีความพอดีที่มากเกินพอแล้วกับความกระตือรือร้น คุณอาจจะพูดว่านี่คือป็อบ(หัวเราะ) (คนสัมภาษณ์เล่นโจ๊กว่าถ้าพี่ Kyo กลายเป็นคนที่กระตือรือร้นบ้างานจนกลายเป็นบ้า ในท้ายที่สุดอาจจบลงด้วยการทำเพลงป็อบ) O_O
Kyo : สายตาและหูของผมมันคงจะทื่อแล้วก็ได้ เมื่อเร็วๆนี้ที่มีการประชุม พวกเราวางแผนเลือกรูปภาพที่จะแถลงกับแฟนคลับ ทุกครั้งผมจะบอกผู้จัดการว่า "ช่วยเลือกภาพที่เกือบจะไม่เห็นใบหน้าของผม" แต่เมื่อภาพออกมาไม่มีหน้าผม พวกเขาพูดว่า "อ่า อย่างที่คาดไว้ ไม่มีใครจำคุณได้เลย" ตั้งแต่นั้นมามันก็เป็นเรื่องยากในการโฆษณา แน่นอนล่ะว่าพวกเขาไม่ชอบมัน(หัวเราะ) ผมบอกพวกเขาไปว่า แม้จะเป็นภาพของศิลปินผมก็ไม่ต้องการที่จะโชว์ใบหน้าของผม "ผมเอาบางอย่างมาใส่บนหัวได้มั้ย?" หรือ "มันโอเคมั้ย ถ้าผมจะแค่ยืนอยู่ในเงา?" ผมถามไปซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่พวกเขาก็แทบจะไม่เคยตกลงกับเรื่องนี้เลย


Interview: คุณเป็นคนเดียวที่มักจะหันหน้าไปทางอื่นในภาพ ใช่มั้ย?

Kyo : ใช่ ผมจะเป็นคนที่แยกออกมา และยังเป็นคนในวงที่ซ่อนใบหน้าซึ่งนั้นก็นานมาแล้ว แม้ว่าพวกเราจะซ่อนใบหน้าของพวกเราโดยเฉพาะ พวกเขาก็ยังคงจำพวกเราได้ บางคนจะเข้าใจ คุณไม่คิดเหรอว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ (เพราะทางบริษัท)


Interview: พวกเราทั้งหมดอยากจะเห็นการแสดงออกบนใบหน้าของคุณ คุณก็รู้ (หัวเราะ)

Kyo : แต่ การแสดงออกไม่ได้จำเป็นต้องแสดงบนใบหน้าของผม มันไม่ดีเหรอถ้าการซ่อนใบหน้ากลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออก? เพราะว่านี่คือตัวผม เอาล่ะ ยังไงผมก็เข้าใจประเด็นของคุณ ตัวอย่างเช่น ถ้าผมแสดงภาพถ่ายของผมให้ผู้ชมในต่างประเทศได้เห็นกวนอิมพันกรอยู่บนใบหน้าผม พวกเขาจะพูดว่า "ผู้ชายคนนี้นี่มันอะไรกันเนี่ย? ปัญญาอ่อนว่ะ!" และท้ายที่สุดมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นมันเป็นที่ๆผมรู้สึกขัดแย้ง พวกเรายังมีการคุยกันภายในวงเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเหมือนกับม่านละคร ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้สมาชิกในวงทั้งหมดเห็นด้วยกับผม มันเป็นเรื่องที่ยากนะ
(พี่ Kyo แบ่งออกระหว่างสิ่งที่เขาอยากจะทำและสิ่งที่วงต้องการจะทำ เพื่อให้เกิดความสมดุล และความต้องการภายในวงแล้วมันเป็นส่วนที่ยากมาก และยังรวมไปถึงความคิดเห็นของสาธารณชน และผู้คนทั่วไปอีก ที่พวกเขาจะต้องระวังที่จะไม่ทำในเรื่องที่เป็นความเสื่อมเสีย และบางอย่างที่มันอาจจะทำให้มีการเคืองกัน)




เมื่อศิลปินญี่ปุ่นเปิดตัวพวกเขาต่อสาธารณชนทั่วโลก พวกเขาจะเผชิญหน้ากับปัญหาในเรื่องของภาษาอย่างแน่นอน ในโลกที่พูดภาษาอังกฤษ แน่นอนว่ามันง่ายที่จะประสบความสำเร็จสำหรับผู้ที่พูดภาษาอังกฤษได้ บางครั้งมันเกิดเป็นสิ่งที่น่าสงสัยกับทางเลือกที่จะใส่ไว้ในแผนการณ์บนเส้นทางนั้น เกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้ดูเหมือน DIR EN GREY จะวาดภาพส่วนสุดท้ายให้เหมือนเดิมอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะเป็นประสบการณ์และเหตุการณ์ที่ซับซ้อนอย่างมากมายก็ตามที



Interview: ขณะนี้พวกเรามาถึงจุดเริ่มต้นของภาษาอังกฤษที่ปรากฏในเนื้อเพลงของ DIR EN GREY แต่ในปัจจุบันตั้งแต่ DUM SPIRO SPERO ก็กลับมาเป็นภาษาญี่ปุ่นซึ่งเห็นได้ชัด
Kyo : นั่นมันเป็นความตั้งใจของผม เป็นความตั้งใจที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่ช่วง UROBOROS พวกเรามี 2 ซิงเกิ้ลที่เป็นภาษาอังกฤษใช่มั้ย? ทางต่างประเทศบอกพวกเราว่าทำไมสถานีวิทยุท้องถิ่นไม่เล่นเวอร์ชั่นญี่ปุ่นล่ะ? และไม่สามารถทำการโปรโมทให้ได้เนื่องด้วยปัญหาหลายอย่าง พวกเขาให้เหตุผลที่มันไร้สาระสิ้นดี พวกเราเหมือนถูกคุมคาม ถ้าผมทำมันคนเดียว ผมจะปฏิเสธที่จะทำมัน แต่เพราะว่ามันเป็นวง คุณก็รู้ใช่มั้ย ดังนั้นผมเลยเห็นด้วย หลังจากที่ส่งข้อความไปถึงแฟนคลับต่างประเทศแล้วว่า การร้องเพลงด้วยภาษาญี่ปุ่นมันดีที่สุด และให้สถานีวิทยุได้เล่นในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น (ยิ้มแหยๆ) เพราะการตอบสนองที่มาถึงพวกเรา ในท้ายที่สุดการใช้ภาษาอังกฤษคงจะมีอย่างเล็กน้อยในอนาคต


Interview: แม้ว่าทางอเมริกันจะร้องขอพวกคุณ ผลลัพธ์ที่ออกมามันเป็นโอกาสที่ดีของคุณในการเดินทางไปต่างประเทศ สถานการณ์ไหนที่คุณคิดว่ามันเป็นจุดประสงค์ที่ดี มีความสำคัญและดึงดูในการใช้ภาษาญี่ปุ่น

Kyo : โดยพื้นฐานแล้ว ผมชอบภาษาญี่ปุ่นที่สุด ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เหมาะกับผมด้วย ผมใช้ภาษาอังกฤษก่อนที่ staff ต่างประเทศจะมาขอร้องผมซะอีก ผมชอบตอนที่ทำนองมันพอดีมากกว่าภาษาญี่ปุ่น ยกตัวอย่างเช่น การแสดงออกในบางสิ่งด้วยการร้องเพลง คำพูดที่ใช้ในการตะโกนถ้าเป็นภาษาอังกฤษมันจะดีที่สุด ถึงแม้ว่าในตอนนี้คำพูดของภาษาอังกฤษมันจะเหมาะและง่ายในการใช้ แต่จริงๆแล้วผมก็ไม่อยากจะใช้หรอก แต่มันก็ค่อนข้างจะบังคับให้ผมต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นแทน (หัวเราะ)


Interview: ผมแน่ใจว่านั่นเป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่งด้วยนะ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องการที่จะจำกัดตัวคุณเองในเรื่องการใช้ภาษาญี่ปุ่น?

Kyo : ไม่ครับ มันก็แค่ทัศนคติธรรมดาของผม ผมไม่ได้เจาะจงไปที่เรื่องนั้นเท่าไร คุณก็รู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แต่ที่มากกว่านั้นเมื่อก่อนผมก็คิดอยากจะใส่คำพูดของประเทศอื่นๆลงในเพลง ภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ แต่แรงกระตุ้นที่ให้ใช้ภาษาญี่ปุ่นมีมากกว่า


Interview: เมื่อตอนที่ผมดูวีดีโอไลฟ์ของ DIR EN GREY ที่แสดงอยู่ต่างประเทศ ผมเห็นแฟนคลับที่ร้องเพลงภาษาญี่ปุ่นร่วมไปกับคุณด้วย คุณมีความคิดเห็นยังไงกับแฟนคลับทั่วโลกที่ฟังเพลงของ DIR EN GREY?

Kyo : ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ (พูดอย่างหนักแน่น) พวกเราเองก็ยังฟังเพลงของวงต่างชาติที่ร้องเพลงภาษาอังกฤษ มันก็เหมือนการร้องเพลงภาษาญี่ปุ่นที่เหมือนกัน เนื้อหาของเพลงอาจจะไม่เข้าใจ แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ? หลายๆคนบอกผมเสมอว่า "มันเยี่ยมไปเลยใช่มั้ย ที่แฟนคลับต่างชาติร้องเพลงภาษาญี่ปุ่นตามไปด้วย" แต่ว่าผมก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้เท่าไร เนื้อเพลงญี่ปุ่นมันก็มาตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้วคุณก็รู้


Interview: คุณมีความคิดยังไงเกี่ยวกับคำถามที่ว่า พวกเขาจะเข้าใจในเนื้อหาสาระของบทเพลง หรือไม่เข้าใจ?

Kyo : ผมไม่ได้สนใจ ยังไงก็ได้ แน่นอนว่าคนญี่ปุ่นย่อมจะเข้าใจในคำพูดและคาดหวังจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแบบญี่ปุ่น แม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจในความหมายของเนื้อเพลงมากหรือน้อย มันก็ยากที่พวกเขาจะเข้าใจได้ในทุกสิ่งทุกอย่างใช่มั้ยล่ะ? ผมคิดว่าทุกคนอยากจะเข้าใจเนื้อเพลงอยู่แล้ว และพวกเขาจะไปค้นหาคำตอบกันเอง


Interview: แม้ว่าคนญี่ปุ่นก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจในทุกสิ่ง อย่างนั้นใช่มั้ย?

Kyo : ครับ บางคนอาจพูดว่าวิธีในการเขียนเพลงของ UROBOROS และ DUM SPIRO SPERO มีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ผมได้รับจดหมายที่พูดเหมือนว่า "คุณก็แค่เพิ่มจำนวนคำที่ยากเข้าไป ฉันไม่เข้าใจความหมายทั้งหมด ไม่เข้าใจเลย" หรือ "ในอดีตเนื้อหาของเพลงเข้าใจง่ายมากกว่า มันดีกว่าการเล่าเรื่องราว" ในส่วนที่ผมคิดคือ "แล้วไงล่ะ?" คุณรู้มั้ยว่าใครก็ตามที่เขียนเนื้อเพลงตามที่ผู้ฟังต้องการและเข้าใจ มันเหมือนกับการที่เราไม่ได้ทำอะไรด้วยตนเอง แม้ว่านักร้องจะเข้าใจในความหมายมากมายนั้น แต่ในโลกของผม ผมจะเปลี่ยนให้มันเป็นความพอใจของผมเอง มีหลายๆจุดที่เป็นความคิดเห็นที่มีค่ามาก


Interview: ดังนั้นคุณจะไม่เขียนเนื้อเพลงด้วยเจตนาเกี่ยวกับผู้ที่เห็นด้วยและผู้ที่โต้แย้งในส่วนของผู้ฟัง แต่ในกรณีของคุณกับวิธีการสร้างเพลงนั้น คุณจะไม่ทำร่วมกับผู้อื่นแต่การเริ่มแรกทั้งหมดจะมาจากความคิดเห็นของคุณเอง?

Kyo : มันไม่ใช่การยอมรับถึงความแตกต่างจากบุคคลหนึ่งถึงอีกคนหนึ่ง เช่นเดียวกับท่ามกลางมืออาชีพ มีมืออาชีพคนไหนที่ตั้งใจทำให้ทุกคนมีความสุข? เช่นผมเองไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากตัวผม ผมคิดว่ามีหลายคนที่คิดว่าวิธีการคิดแบบนี้ไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย แต่คนเหล่านั้นเองก็อาจจะไม่ได้เข้าใจอะไรคนอื่นๆด้วย ผมเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาพูด แต่ในกรณีแบบนี้มันไม่ดีเท่าไร นั่นคือสิ่งที่ผมหมายถึงอย่างคร่าวๆ


Interview: นอกจากนี้เรายังจะได้เห็นการแสดงของวงดนตรีจากต่างประเทศในญี่ปุ่นที่ผู้คนปรบมือกันไปตามจังหวะช้าๆ แม้ว่ามันจะเป็นเพลงเศร้า ผมสงสัยว่าทำไมพวกเขาทำอย่างนั้น ความแตกต่างระหว่างภาษาก็มีบทบาทสำคัญในที่นี่ด้วย

Kyo : อืม ใช่ครับ มันก็มีเกิดขึ้นในญี่ปุ่น  แต่คุณรู้มั้ยว่าครั้งหนึ่งที่ผมโกรธก็เพราะบรรยากาศที่ทำให้แย่ลง แม้ว่าผมจะสนใจในเรื่องนี้มาก แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย





DIR EN GREY ยังคงก้าวหน้าไปยังประเทศทั่วโลก มีการรายงานข่าวพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกเขาสามารถสร้างฐานของแฟนคลับได้อย่างมั่นคง และเช่นเดียวกับสื่อมวลชนต่างชาติที่ได้ให้การตอบสนองในทางที่ดี เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ สมาชิกในวงที่สามารถควบคุมตัวเองได้แม้ในเรื่องวิกฤต หรือการวิเคราะห์สถานการณ์ภายในวง โดยไม่ต้องสงสัยที่นี่ยังคงมีความไม่ลงรอยกัน แต่สำหรับตัวอย่างจาก Kyo เป็นมุมมองของความขัดแย้งเฉพาะที่แยกออกมาจากคนอื่น ที่กลายเป็นการปลดปล่อย และนั่นทำไมมันถึงได้น่าสนใจ อะไรที่ทำให้พวกเขาช่างน่าหลงใหล? และนอกจากนี้ในอนาคตจะนำมาซึ่งอะไร? ที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และรวมไปถึงความสัมพันธ์กับผู้ชม ทัศนวิสัยของ Kyo ที่คิดเอาไว้ก็จะปรากฏขึ้นด้วยเช่นกัน


Interview:ทำไมคุณคิดว่า DIR EN GREY ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากจากทั่วโลก?

Kyo : จริงแล้วผมไม่คิดว่าพวกเราได้รับการยอมรับ ถึงแม้ว่าพวกเราจะเดินทางไปต่างประเทศก็ตามที ผมไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนั้น อย่างผู้คนที่เข้ามาในไลฟ์ของพวกเรา มันเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับผม พวกเขาจะเข้าใจในดนตรีของพวกเราจริงๆหรือเปล่า หรือถ้าพวกเขาไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ทุกคนสามารถมาถึงจุดนี้ได้แล้ว นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิดอยู่ทุกวัน


Interview: แต่ผมก็ยังคิดว่าถ้า DIR EN GREY ไม่ได้มาไกลถึงขนาดนี้ วงดนตรีอื่นๆในญี่ปุ่นคงจะไม่สามารถเล่นไลฟ์ไปทั่วโลกได้หลังจากพวกคุณ (เหมือนการปูทาง) 

Kyo : ผมคิดว่าถึงแม้พวกเราจะไม่ทำ แต่คนอื่นๆก็ทำกันได้ มันเป็นแค่คำถามที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นาน ผมคิดว่าจริงๆแล้วไม่มีเหตุผลอะไรที่จะคิดว่าพวกเราเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ คุณก็รู้นี่



Interview: แต่อย่างไรก็ตาม คุณก็ใช้เวลาหลายปีและเล่นไลฟ์เป็นจำนวนมาก และที่มากไปกว่านั้นคือคุณได้แฟนใหม่ๆเพิ่มขึ้นด้วย ผมคิดว่ามันเหมาะแล้วกับการประเมินค่าของความสำเร็จ

Kyo : อย่างนั้นเหรอ...แต่ที่ต่างประเทศ อะนิเมะของญี่ปุ่น สิ่งเหล่านั้นก็ได้รับความนิยมไม่ใช่เหรอ พวกเราไม่มีการเชื่อมต่อกับอะนิะมอย่างแน่นอน พวกเราเองก็งงเหมือนกันว่าพวกเขาคิดอย่างนั้นได้ยังไง (มีการคิดเชื่อมต่อ DIR EN GREY ให้เข้ากับอะนิเมะ มังงะ แฟนๆต่างชาติคิดอย่างนั้นกัน) นั่นทำไมผมถึงได้ไม่เข้าใจเหตุผล (ที่แฟนคลับมากัน)



Interview: ที่คุณพูดอย่างนั้นมันเหมือนกับคุณไม่รู้ว่าทำไม DIR EN GREY ถึงได้รับความนิยมในญี่ปุ่นใช่มั้ยล่ะ (หัวเราะ)

Kyo : การทำอะไรอย่างนั้นแบบคนบ้า ใครจะอยากเข้าไปดูพวกเขา? ความรู้สึกมันเป็นอย่างนั้นล่ะ (หัวเราะ) ยังไงก็แล้วแต่คนที่ยังคงมาอย่างสม่ำเสมอ ผมไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นบ่อย ผมเดาว่าพนักงานในบริษัทของเราก็ยังคงมีความลึกลับด้วยเช่นกัน มันดูเหมือนผู้ชมเองก็จะเข้าใจพวกเรานะ แต่ความกังวัลเกี่ยวกับความหลากหลายจากการทำงานของพวกเราก็ยังมีอยู่ เมื่อพวกเราเอาเพลง Tsumi to Batsu มาทำใหม่ พวกเราคิดกันทันทีว่าอยากจะเล่นในไลฟ์ แล้วก็คิดว่าจะทำมันแน่นอนในคอนเสิร์ตที่ส่องแสงสว่าง มันคงจะเยี่ยมมาก! พวกเราปล่อยเพลงนั้นออกไปด้วยความมั่นใจ แต่ได้รับการตอบสนองกลับมาที่ไม่ดี มันแย่มากจริงๆ คุณรู้มั้ยพวกเขาพูดว่ายังไง...มันไม่มีอะไร ก็แค่การตะโกน นอกจากนี้ยังไม่มีการพัฒนาอะไร ก็แค่วนเวียนไปมา แต่หลังจากที่ผู้ฟังได้ฟังมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าในระหว่างไลฟ์ มันกลับกลายเป็นว่า "เพลงนี้ยอดมาก!" 
สิ่งที่ผมพยายามจะบอกคือ ความรู้สึกของระยะห่างระหว่างพวกเราและแฟนมันรวมเป็นความเข้าใจ ยังไงก็ตาม ผมคิดว่ายังมีคนที่ไม่เข้าใจอยู่ หรือคนที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับเพลง คนที่ไม่ติดตามพวกเราอีกต่อไปแล้ว และเลิกที่จะมาไลฟ์ คุณรู้มั้ยว่าแฟนคลับใหม่ๆจริงๆมีน้อย (พวกเขาไม่มีโอกาสหรือขาดแรงจูงใจที่จะมากัน) และผมยังสงสัยอีกว่าคนมากมายที่มากันเพื่อดูไลฟ์และคิดว่า "ว้าว นั่นมันเยี่ยมจริงๆ" ผมคิดว่าไลฟ์สามารถให้ผลกระทบที่หนักกับผู้คนได้นะ (หัวเราะ) แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะกลายมาเป็นนิสัย มันเหมือนกับราเม็งที่มีรสแปลกๆ ที่คุณไม่ได้ชอบมันในทันที (หัวเราะ) (ประมาณว่าเพลงของ Dir en grey ถ้าได้ฟังบ่อยๆก็อาจจะชอบกันได้ เหมือนกับอาหารที่รสชาติแปลกๆ แต่ถ้าได้กินอีกก็อาจจะหยุดกินไม่ได้กันเลยทีเดียว)



Interview: มีสิ่งที่ไม่สามารถจะสนุกได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไรก็แล้วแต่อย่างงั้นใช่มั้ย? ตั้งแต่คำถามที่ว่าชอบหรือไม่ชอบ มีคนที่พยายามจะหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่รู้จักหลังจากที่กินเข้าไปแล้วครั้งเดียว แต่ในท้ายที่สุดก็ยังมีคนที่เข้าใจหลังจากที่กินอาหารนั้นเข้าไปแล้วถึงสามครั้ง?

Kyo : ใช่ครับ และแน่นอนว่าการทำ DUM SPIRO SPERO แม้ว่ามันจะเป็นอัลบั้มที่บ้าจริงๆ แต่มันก็ง่ายต่อการฟัง ตั้งแต่ในส่วนประกอบด้วยเสียงอันไพเราะที่เพิ่มขึ้น แต่เมื่อคุณมองไปที่จดหมายที่พวกเราได้รับจากแฟนๆ มันดูเหมือนว่าพวกเขากำลังค้นหาอะไรดีๆในอัลบั้ม การพยายามฟังอย่างสุดๆ คือ "มันก็ดีนะ แต่การแสดงบนเวทีของฉันในปัจจุบันไม่เป็นที่เข้าใจ มันยากแต่ฉันก็ไม่อยากจะหมดหวัง" สำหรับผมแล้วมันไม่เป็นไรถ้าพวกเขาจะไม่ฟังเพลง หรือพวกเขาบังคับตัวเองมากเกินไป แต่เมื่อพวกเขามาดูไลฟ์ของพวกเรา ความประทับใจของพวกเขาจะเปลี่ยนอย่างแน่นอน เช่นเพลง THE BLOSSOMING BEELZEBUB  ในตอนแรกพวกเขาจะพูดว่า "นี่มันเพลงอะไร?" แต่การตอบสนองกลับแตกต่างไป พวกเราจะจินตนาการไปถึงคอนเสิร์ตว่ามันจะเป็นยังไง และเมื่อรูปภาพปรากฏออกมาจากความตั้งใจของพวกเรา บรรยากาศและความมืดมัวอย่างช้าๆ (ภายในไลฟ์) ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าภาพจะไม่ปรากฏขึ้นเมื่อผู้ฟัง ฟังเพลงจากอัลบั้ม


Interview: นักแต่งเพลงที่ใส่ส่วนของดนตรีเข้าไปทีละเล็กละน้อยด้วยกัน เป็นผู้ที่เข้าใจขั้นตอนทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ มีความแตกต่างจากผู้ฟังที่ได้เผชิญหน้ากับชิ้นงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ที่วางอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาอย่างกะทันหัน

Kyo : พวกเรารวบรวมเพลงที่บ้าคลั่งเท่านั้น ผลรวมของข้อมูลการส่งเพลงมีสูงมากจริงๆ ผมคิดว่า UROBOROS เป็นอัลบั้มที่ง่ายกับการฟัง เพลงมีการแสดงสีสันที่ชัดเจน ใน DUM SPIRO SPERO จะมีประเภทเพลงที่ หนัก ช้าๆ ฯลฯ ที่จะไม่ทำอีกแล้ว มันยากที่จะทำให้สามารถเข้าใจในสิ่งที่เป็นสิ่งใหม่ เพราะทุกคนต้องการให้ทุกสิ่งพอดีกับในกรอบของพวกเขา ถ้าทุกคนหันหนีจากจุดนี้ไป ผมก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ยังไงก็ตาม ผมอยากให้ทุกคนได้มีประสบการณ์ หลังจากที่ฟังเพลงแล้ว หรือมาไลฟ์สักครั้ง 


Interview: ใช่แล้ว การแสดงออกในไลฟ์มีชีวิตชีวามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงล่าสุดของคุณที่ดูแตกต่างไป และมันกลายมาเป็นส่วนประกอบของการแสดง เป็นการดึงดูดอารมณ์ทางสายตาที่มีพลัง มีความน่าสนใจมาก อาจเป็นที่การเคลื่อนไหวของคุณที่แสดงบนเวที กลายมาเป็นสัญลักษณ์ด้วยตัวของมันเอง เช่นเดียวกับการมีชื่อเสียงในโลกของชายที่ชื่อ Kyo เป็นส่วนหนึ่งของความสามารถที่สื่อสารโดยไม่ต้องใช้คำพูด

Kyo : การเต้น ankoku butoh ในตัวของมันเองนั้นเป็นการเต้นที่บ้ามากเกินไปอยู่แล้ว ผมสงสัยว่าจะมีคนแบบไหนที่สามารถเข้าใจมันได้ มันเข้าใจยากพอสมควรนะ แต่ผมก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีในการจินตนาการ ในความจริงมันง่ายต่อการเข้าใจมากกว่าคำพูด เกี่ยวกับกิจกรรมในวงของพวกเราผมคิดมีคนมากมายที่ไม่ยอมรับพวกเรามาก คนพวกนั้นจะคิดว่า "พวกเค้าทำอะไรกันน่ะ?" อย่างคนในญี่ปุ่นใครบ้างที่ชอบเมทัล หรือชอบอะไรอย่างอื่นมากกว่าเมทัล ผมคิดว่าถ้าคนพวกนั้นเข้ามาดูไลฟ์ของพวกเรา พวกเขาอาจจะเดินเข้ามาผิดทาง ถึงแม้ว่าผมจะดูไม่คุ้นเคยกับเมทัล และคิดว่าพวกเราเองก็ห่างไกลจากใจความสำคัญนั้นที่มีหลากหลายชนิดเช่นเดียวกับเมทัล พวกเรามักจะได้รับความเกลียดจากพวกเขาบ่อยๆ


Interview: มีคนที่พูดอย่างนั้นบ่อยๆเลยเหรอ?

Kyo : พวกเราได้รับข้อความและจดหมายมากมาย  มีคนที่ปริ้นข้อความจากอินเตอร์ที่พวกเขาเจอและส่งมาให้พวกเรา "นี่พูดอะไรกัน แล้วมันเป็นยังไงล่ะ?" 'เสียงสูง' ของนักร้องคนนี้น่าทึ่งมากๆ เป็นเสียงของความตาย บางข้อความมันก็ดีนะ เมื่อเปรียบเทียบกับคนพวกนั้นแล้วเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกขอบคุณ


Interview: เมื่อครั้งแรกที่ DIR EN GREY เริ่มทำเพลงเมทัล ความคิดเห็นเหล่านั้นก็อาจจะเปลี่ยนไป แต่ผมคิดว่าการจัดแบ่งประเภทดนตรีเมทัลเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับประเภทของดนตรี ทุกคนเองก็ไม่รู้ว่าจะจำแนกมันยังไง หรืออาจจะเหมือนกับการติดป้ายเมทัลไว้ชั่วคราว

Kyo : ใช่ มันเป็นเรื่องจริง มันเป็นความแตกต่างของแต่ละคน มีคนที่เรียกว่า V-Rock หรือเรียกว่า Art Metal ยังไงก็ตามแต่ ผมไม่ได้รู้เกี่ยวกับประเภทเหล่านั้น โดยปกติแล้วงานเทศกาลที่พวกเขาเชิญเราไปส่วนใหญ่ก็จะมุ้งเน้นไปที่เมทัล


Interview: ไลฟ์แรกของการทัวร์ต่างประเทศคือปี 2002 ในไต้หวันใช่มั้ย?

Kyo : ใช่ครับพวกเราไป ผมจำได้ว่า เป็นประเทศที่ไม่เป็นระเบียบเอาซะเลย (หัวเราะ) มีแฟนๆเยอะมากมารวมกัน ทางประเทศนั้นก็บอกพวกเราให้ยกเลิกคอนเสิร์ตซะ แต่เมื่อพวกเราพยายามที่จะยกเลิก พวกแฟนคลับก็เดินมากีดขวางพวกเราไว้ ในที่สุดพวกเราก็บอกพวกเขาว่าพวกเราจะเล่นไลฟ์ แม้ว่าในระหว่างไลฟ์ก็มีคนที่พกปืนยืนอยู่หลังเวที นี่มันหายนะชัดๆ แต่ว่าในเวลานั้นที่ผมได้รับคำถามจากบทสัมภาษณ์ที่ญี่ปุ่น "แฟนๆต่างประเทศรอพวกคุณอยู่ จะไปเล่นไลฟ์ที่นู่นบ้างมั้ย?" และผมก็ตอบไปแบบเดิมแบบที่ผมเคยตอบ "มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าแฟนๆมาที่ญี่ปุ่น" ดูเหมือนว่าบทความในนิตยสารได้ถูกแปลเป็นภาษาไต้หวัน และได้รับการปล่อยออกไปที่นั่น เมื่อพวกเราไปถึงสนามบิน ก็เลยมีแฟนๆมากมายมารอที่นั่น ในขณะที่พวกเราถูกผลักไปรอบๆ พวกเราจะไปให้ถึงที่รถ แล้วก็มีแฟนคลับร้อง "กรี๊ดดด!" ขึ้นมาให้กับสมาชิกทั้งสี่ ยกเว้นผม พอถึงตาผมมีคนร้องกรี๊ดแบบลังเลแค่คนสองคน ผมถาม staff ที่นั่นว่าทำไม เขาบอกว่า ทุกคนรู้ว่าคุณพูดอะไรในบทความ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมชื่อเสียงของผมคนเดียวมันถึงได้แย่นัก (หัวเราะ) เฮ้อ ผมไม่ได้พูดอะไรผิดไปใช่มั้ย สถานการณ์นั้นมันตลกมาก ผมไม่ได้เอามาใส่ใจอะไรมากมายหรอก คุณก็รู้นี่


Interview: สถานการณ์อย่างนั้นมันก็น่าสนใจ/ตลกนะ (หัวเราะ) แล้วคุณจำการแสดงครั้งแรกในยุโรปปี 2005 ที่ Berlin ได้มั้ย?

Kyo : ครับ พวกเราไปที่นั่น ถ้าพวกเรายังได้รับความนิยมอย่างเช่นวันนี้ พวกเราก็จะกลับไปที่นั่น มันก็ดีเหมือนกันนะ แต่เวลานี้มันดูเหมือนกับแค่ความฝันของผม



Interview: คุณยังได้เล่นที่งานเทศกาลใหญ่ๆอย่าง Rock am Ring กับ Rock im Park นั่นดูเหมือนกับจะเป็นการเปิดตัวที่ยุโรปเลยใช่มั้ย?

Kyo : เหมือนกับว่าผู้จัดการทางฝั่งยุโรปจะพูดให้พวกเรา สำหรับผม ผมไม่ได้มีความกระตือรือร้นอยากจะไปปรากฏตัวที่นั่น ผมพูดจริงๆ ผมคิดว่ามาตรฐานของผมไม่เหมาะที่จะไปปรากฏตัวที่นั่น มันเหมือนกับผิดที่  จริงๆแล้วผมมีความคิดแย่ๆเกี่ยวกับวงเก่าของผม นั่นทำไมมันถึงไม่ง่ายเลยที่ผมจะพอใจได้ 


Interview: คุณแน่ใจว่าจะสามารถทำได้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่ใช่ นั่นเพราะคุณไม่สามารถจะประเมินค่าตัวเองมากขนาดนั้นได้ เพราะความสำเร็จนี้ยังเป็นสิ่งที่ใหม่ และยังมีความคิดใหม่เกิดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย?

Kyo : นั่นก็อาจจะใช่ คุณรู้มั้ยว่าผมเป็นคนที่มีความคิดในด้านลบที่รุนแรงมาก เช่นเดียวกับการทำไลฟ์ ผมไม่ทำอะไรเลย แต่ติตัวเองแล้วคิดว่าจริงๆแล้วมันดีกว่ามั้ยที่จะไม่ปรากฏตัวบนเวที  เมื่อพวกเราไปต่างประเทศครั้งแรก แม้ว่าผมจะเห็นแฟนๆมารวมกันมากมาย ผมคิดว่ามันจะต้องทำเพราะว่าพวกเขายังไม่มีโอกาสได้เห็นพวกเรา ถ้าความนิยมของพวกเรายังมีต่อเนื่องไปอีก 5-6 ปี พวกเราอาจจะมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น แต่ผมไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นหรอกนะ นั่นทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าการไปต่างประเทศมันเป็นเรื่องที่เสียเวลา ผมอยากจะทำการประเมินผลเกี่ยวกับแฟนคลับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้โดยผ่านไปอย่างสงบ นั่นเป็นเรื่องที่ผมคิดมาโดยตลอด อย่างเร็วๆนี้ผมก็คิดว่าที่คนส่วนใหญ่เข้ามาในไลฟ์ของพวกเราจะเข้าใจแก่นแท้ของเพลงพวกเราหรือเปล่า หรือคนพวกนั้นแค่รู้จักพวกเรา ชอบพวกเราผ่านทางงานเทศกาล หรือเข้ามาเพียงแค่จะมาดู (ใครสักคน) ในท้ายที่สุดใครกันที่จะเข้ากับพวกเราได้จริงๆ


Interview: มันยังเป็นสภาพที่ไม่มั่นคงอีกเหรอหรือเพราะว่าคุณเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้ง?

Kyo : อืม...ผมก็สงสัยเหมือนกัน ผมไม่รู้จริงๆครับ แต่จริงๆแล้วมันอาจจะเป็นบทบาทของผู้เล่น บางครั้งผมคิดเกี่ยวกับวงอื่นๆที่พวกเรา(สามารถ)ทัวร์ร่วมไปกับพวกเขา วงดนตรีที่มีฐานของแฟนคลับที่อาจจะสามารถเข้าใจพวกเราได้ แต่หลังจากนั้นทั้งหมดไม่มีวงไหนเลยที่จะเหมาะกับพวกเราได้อย่างสมบูรณ์ แต่เมื่อพวกเราทัวร์ไปกับ APOCALYPTICA ในอเมริกาเมื่อปี 2010 ผมมีความรู้สึกประทับใจว่าแฟนๆมีความเหมือนกันและมีขนาดค่อนข้างใหญ่ พวกเราเข้า
กันได้ดีมากกับพวกแฟนๆ มากกว่าที่ผมคาดไว้ (Kyo รู้สึกว่าแฟนคลับของ APOCALYPTICA สามารถที่จะชอบ DIR EN GREY ได้เช่นกัน และเพลงของ DIR EN GREY อาจจะเป็นสิ่งที่แฟนของ APOCALYPTICA เข้าถึงได้)


Interview: ผมคิดว่าที่นั่นยังได้รับความร่วมมือที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่นำไปสู่เสียงสะท้อนขนาดใหญ่จากผู้ชม

Kyo : ใช่ มันเป็นเรื่องจริง เมื่อพูดเกี่ยวกับยอดขายอัลบั้มของ APOCALYPTICA ยอดขายดีมากจริงๆ ทุกๆคอนเสิร์ตด้วย เช่นเดียวกับจำนวนแฟนๆที่มา พวกเราสามารถร่วมทัวร์ไปกับเขาได้เหมือนกับเพื่อนที่ทัวร์ไปด้วยกัน มันสนุกสำหรับพวกเราทั้งคู่ ผมคิดว่าพวกเราทำมันได้ดีเหมือนกับที่พวกเขาได้รับบางอย่างจากตรงนั้น นั่นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก



Interview: ผมคิดว่าการทำงานไปทั่วโลกของคุณอยู่ในระหว่างปี 2005 และ 2011 และมันยังจะดำเนินต่อไปในอนาคต คุณคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ายังไงบ้าง?

Kyo : ผมไม่มีความคิดอะไรพิเศษกับเรื่องนี้นะ โดยทั่วไปผมก็คาดหวังว่าจะทำบางสิ่งที่มันแปลกออกไปอีกครั้ง มันเหมือนกับผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำมันเมื่อไร ผมอาจจะทำอะไรที่มันเปลี่ยนแปลงไป หรืออาจจะแค่กลับมาร้องเพลงปกติธรรมดา ทำทุกอย่างให้มันเข้าใจได้อย่างง่ายที่สุด (หัวเราะ) ผมอาจจะเริ่มต้นพูดเช่นว่า "ตอนนี้ผมอยากจะถ่ายทอดข้อความของผม" หรือ "แม้ว่าผมจะเป็นแค่คนร้องเพลง ผมก็อยากจะทำให้คนมากมายมีความสุขเท่าที่ผมจะทำได้" ถ้าอยากให้มันกลายเป็นอย่างนี้ สิ่งรอบๆตัวคงไม่ได้รับการสัมผัสจากทางศาสนา?(ไม่แน่ใจ ;_;) เป็นไปได้ว่าทุกอย่างบนเวทีมันจะกลายเป็นสีชมพู (หัวเราะ)



Interview:เป็นภาพที่ยากต่อการจินตนาการมากนะ (หัวเราะ) แน่นอนว่าคุณต้องการให้แฟนๆต่างชาติได้มีประสบการณ์ในการรับชมการแสดงที่มีชีวิตชีวาให้เหมือนอย่างในญี่ปุ่นใช่มั้ย?

Kyo : ใช่ครับ ผมจะใช้สิ่งของทั้งหมดที่พวกเราได้ใช้ในญี่ปุ่นไปด้วยเมื่อพวกเราไปต่างประเทศ ถ้าที่นั่นมีแฟนๆต่างชาติมากพอพวกเราก็จะสามารถทำมันได้ มันคงจะเยี่ยม แต่ตอนนี้พวกเราไม่ได้มีอุปกรณ์หรือมีทีมงานมากพอ หรือถ้าจะพูดให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น ไม่มีแสงสว่าง หรือม่านบนเวที ในขั้นต้นแล้วพวกเราไม่สามารถจะทำสิ่งเดียวกันนี้ในไลฟ์ที่ต่างประเทศได้ ผมคิดว่ามันน่าเสียดาย แม้ว่าพวกเขาจะเจาะจงเข้ามาดูพวกเรา แต่พวกเราไม่สามารถจะแสดงให้พวกเขาได้เห็นมุมมองของโลกอย่างแท้จริงของพวกเรา นั่นมันทำให้ผมหงุดหงิดจริงๆ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมหวังว่าทุกคนจะมาญี่ปุ่นเพื่อดูพวกเรา คุณรู้ใช่มั้ย (หัวเราะ) และผมก็ไม่จำเป็นต้องไปต่างประเทศอีกต่อไป




_______________________________END_________________________


แถม...



thanks :  jaegermeister0908


- คงเคยได้ดูคลิป APOCALYPTICA กับพี่ Kyo ร่วมร้องเพลงด้วยกันมาบ้างแล้ว ^^ ตอนแนะนำพี่ Kyo Eicca ดูเหมือนจะพูดว่าเขาโคตรจะขี้อายเลย xD 555 เป็นการทัวร์ไปด้วยกันที่พี่ Kyo ประทับใจน่าดู (เราก็ชอบนะ โคตรเท่เลย)

- แปลจบแล้ว น้ำตาจะไหลเพราะยาวมาก...ตอนแรกที่อ่านจาก greed มันมีหลายประโยคที่เราแปลแปลกไปจากที่ทาโกะซังแปล แต่เชื่อว่าทักษะเรื่องภาษาของทาโกะน่าจะเยอะกว่าเรามาก แล้วมันก็มีหลายประโยคที่ไม่ค่อยจะดีด้วย ^^; สรุปเลยคือเลือกจะใช้คำพูดกลางๆในการแปลแทน ไม่ใช่ว่าจะเลือกเสนอแต่สิ่งดีๆ เพียงแต่พยายามเลือกจะใช้คำพูดให้มันอ่านเข้าใจง่ายแทน ;_; หวังว่าจะมีคงเข้าใจนะ 55 เราพยายามอ่านแล้วตีความให้เข้าใจที่สุดแล้ว


หวังว่าทุกคนจะอ่านมาจนจบถึงนี่ได้นะ ไม่ต้องการคำขอบคุณอะไรแล้ว เพียงแต่แค่อยากให้ได้อ่านเรื่องราวของพี่ Kyo :)

Share this article :

+ comments + 2 comments

ไม่ระบุชื่อ
22 สิงหาคม 2556 เวลา 06:53

ยาวมาก เดี๋ยวมาอ่านต่อ
ขอบคุณมากกกกกกกกกกกๆค่ะ m( _ +_)m

ใบบัวบก
29 สิงหาคม 2556 เวลา 08:09

ขอบคุณมากๆเลยครับ ให้แรงบันดาลใจมากๆเลย ^^

แสดงความคิดเห็น

Popular Posts

 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2011. DIR EN GREY THAILAND FAN CLUB - All Rights Reserved
Template Modify by Creating Website
Proudly powered by Blogger